หุ้นปิดลบ 11 จุด นักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง ตลาดจับตาการวินิจฉัยของศาล รธน. พรุ่งนี้ ประเด็นการแก้ รธน.ว่าด้วยที่มา ส.ว. ขัดต่อ รธน. หรือไม่ เพราะอาจถึงขั้นยุบพรรค และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทิศทางการเมืองไทย ขณะที่ม็อบนกหวีดประกาศยกระดับชุมนุม 24 พ.ย.นี้
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 พ.ย.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,412.44 จุด ลดลง 11.52 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.81% มูลค่าการซื้อขาย 33,067.28 ล้านบาท โดยนักลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยง พร้อมจับตาการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทิศทางการเมืองไทย
ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 31 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 893 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 845 ล้านบาท และบัญชีโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 16 ล้านบาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง และอ่อนกว่าตลาดภูมิภาค จากแรงกดดันปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ ขณะนี้กำลังรอผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.พรุ่งนี้ ส่วนอีกด้าน ม็อบต่อต้านรัฐบาลที่นำโดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจะยกระดับการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ขณะที่ฝ่ายค้านกำลังยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย มีการปรับฐานเพื่อรอการแถลงของ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องการดำเนินมาตรการ QE สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดจะผันผวน ขึ้นกับผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,435 จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เคทีซีมีโก้ ยอมรับว่า ตลาดหุ้นช่วงบ่ายปรับตัวแรง เพื่อลดความเสี่ยงคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันพรุ่งนี้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงไม่ได้จึงขายหุ้นออกมาถือเงินสด ซึ่งกรณีร้ายสุดคือ การยุบพรรค จะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงหนัก ให้หาจังหวะซื้อบริเวณ 1,350-1,380 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.MEGA ปิด 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 3.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 6,003.33 ล้านบาท
2.ADVANC ปิด 228 บาท ลดลง 7 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,101.28 ล้านบาท
3.KBANK ปิด 180 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,245.73 ล้านบาท
4.JAS ปิด 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,185.08 ล้านบาท
5.TRUE ปิด 9 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 935.81 ล้านบาท