xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูลั่นปีนี้ชัดเจนลงทุนไฟฟ้า จ่อลงทุนในฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น-จีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บ้านปูลั่นปีนี้พร้อมลงทุนใหม่ เน้นธุรกิจไฟฟ้า โดยอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ฟิลิปปินส์ที่ผลิตอยู่แล้ว และเจรจาพันธมิตรร่วมทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น ส่วนโรงไฟฟ้าในจีนก็มีแผนจะขยายโรงไฟฟ้าที่ลั่วหนานอีก 300 เมกะวัตต์ คาดว่ามีความชัดเจนในปีนี้ ยันไม่มีปัญหาเงินลงทุน เพราะมีความสามารถในการกู้ได้อีก 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐ และจ่อออกหุ้นกู้ 6 พันล้านบาทในไตรมาส 3 นี้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนลงทุน 358 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าหงสา 85 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เหลือเป็นการลงทุนขยายเหมืองถ่านหิน โดยยังไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ โดยบริษัทฯ มีความสามารถในการกู้ยืมได้ 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกระแสเงินสดอีก 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ในการลงทุนซื้อกิจการโรงไฟฟ้าหรือเหมืองถ่านหินเพิ่มเติม

ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มเติมที่ลั่วหนาน ที่จีน กำลังการผลิตขั้นต่ำ 300 เมกะวัตต์จากปัจจุบันที่ผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว 1 พันเมกะวัตต์ คาดว่าใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำในเมืองดังกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ฟิลิปปินส์ที่เดินเครื่องอยู่แล้ว 2 โรง โรงละ 400-500 เมกะวัตต์ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในเวียดนามและอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง

สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนนั้น บริษัทฯ ให้ความสนใจในการลงทุนที่ไทยและญี่ปุ่น โดยเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นที่ญี่ปุ่นในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ ส่วนจีนก็อยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างค่าไฟ และมาตรการอุดหนุนจากภาครัฐ (Adder)

สาเหตุที่บริษัทฯ ให้ความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เนื่องจากให้ผลตอบแทนและสร้างกระแสเงินสดที่เร็วกว่าการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และยอมรับความเสี่ยงได้โดยจะเร่งเขยายในช่วง 2-3 ปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ในธุรกิจไฟฟ้าให้มีสัดส่วนมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) เพิ่มขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบัน 25% ใน 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากธุรกิจไฟฟ้าจะสร้างกระแสเงินสดในช่วงที่ราคาถ่านหินค่อยๆ ฟื้นตัว

ส่วนความคืบหน้าการซื้อกิจการเหมืองถ่านหินนั้น บริษัทฯ ดูโอกาสการซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นเหมืองถ่านหินที่อยู่ใกล้เหมืองบ้านปู และท่าเทียบเรือ หรืออาจจะเป็นการซื้อถ่านหินเข้ามาเพื่อทำเทรดดิ้ง โดยประเมินว่าในช่วง 1-2 ปีนี้มีแนวโน้มที่จะมีการขายเหมืองถ่านหินออกมา หลังจากแนวโน้มราคาถ่านหินจะไม่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ในปี 2555-2556 เป็นปีตั้งรับของบ้านปูหลังจากราคาถ่านหินตกต่ำ แต่ปี 2558-2559 จะเป็นปีที่บริษัทฯ จะเริ่มลงทุน หลังจากมีการจัดสัดส่วนพอร์ตสินทรัพย์ โดยไม่มีความหนักใจ และบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะลงทุนหลังจากได้มีการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัท Slim ขึ้นแล้ว ซึ่งการตัดสินใจซื้อโรงไฟฟ้าจะพิจารณาเรื่องความเสี่ยงและรีเทิร์นที่ขึ้นกับราคาค่าไฟและตลาด”

แนวโน้มราคาขายถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะไม่ผันผวน หวือหวามากนัก แต่จะใกล้เคียงปีที่แล้วอยู่ที่ 70 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 74 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยมองว่าราคาถ่านหินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งระดับราคาถ่านหินที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน เชื่อว่าครึ่งปีหลังนี้ราคาถ่านหินจะสูงกว่าครึ่งปีแรก

ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินรวม 47.40 ล้านตัน/ปี แบ่งเป็นการผลิตที่เหมืองอินโดนีเซีย 29.70 ล้านตัน ออสเตรเลีย 14.50 ล้านตัน และจีน 3.20 ล้านตัน ซึ่งปีนี้บริษัทฯ หันมารุกตลาดเทรดดิ้งถ่านหินเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าเทรดดิ้งไว้ 2 ล้านตัน รวมเป็นปริมาณการขาย 49.40 ล้านตัน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงปีที่แล้วอยู่ที่ 32%

นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส 3/2557 บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลบาทวงเงิน 6 พันล้านบาท หรือ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ อายุหุ้นกู้ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในปีนี้ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยวงเงินหนี้ที่ครบกำหนดชำระอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐจะกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

สำหรับรายได้ในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อย จากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยปีที่แล้วบริษัทฯ มีรายได้รวม 1.08 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 3.15 พันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น