xs
xsm
sm
md
lg

RATCH เล็งลงทุนปากีฯ-บังกลาเทศ ล้มซื้อโรงไฟฟ้าแมคควารีที่ออสซี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “ผลิตไฟฟ้าราชบุรี” เล็งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในปากีสถานและบังกลาเทศ หลังพบกำลังการผลิตไฟน้อยกว่าดีมานด์ พร้อมทั้งชงแผนกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจใหม่เข้าบอร์ดฯ คาดได้ข้อสรุป ธ.ค.นี้ ส่งผลให้งบลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 1.5-2 หมื่นล้านบาท เผยไม่ได้เข้าประมูลซื้อโรงไฟฟ้าแมคควารี 4,600 เมกะวัตต์ที่ออสเตรเลีย เหตุหาพาร์ตเนอร์ร่วมทุนไม่ได้หลังบอร์ดฯ ให้ถือหุ้นไม่เกิน 30% แต่ยังสนใจเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทที่ยื่นประมูลซื้อ และปีหน้าคาดว่ามีกำไรลดลงเล็กน้อยหรือเท่ากับปีนี้ที่มีกำไร 6 พันล้านบาท

นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในการผลิตไฟฟ้าครบวงจรในเอเชียแปซิฟิก โดยจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รอบ 2 ในเดือนนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนธันวาคม 2556 ซึ่งบอร์ดฯ เสนอให้เข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าที่ประเทศปากีสถานและบังกลาเทศ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตไฟไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยสนใจทั้งในรูปการซื้อกิจการและลงทุนใหม่

โดยแผนกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจใหม่นี้จะใช้เงินลงทุนมากขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 8,000-10,000 ล้านบาทต่อปี เป็น 15,000-20,000 ล้านบาทต่อปี โดยยังคงรักษาฐานธุรกิจเดิมไว้ และขยายตลาดใหม่ที่มีโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ รวมทั้งการซื้อโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้วทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งพิจารณาโครงการประเภทถ่านหิน พลังน้ำและพลังงานทดแทน โดยยอมรับว่าไม่สนใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมในไทยเพิ่มเติมอีก จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ในโรงไฟฟ้าห้วยบง 2-3 ที่เดินเครื่องแล้ว และโครงการโรงไฟฟ้าลมเขาค้อ คาดว่าจะเดินเครื่องปี 2557 เนื่องจากปริมาณลมต่ำ ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 12,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2563 เพิ่มขึ้นจากแผนธุรกิจเดิมที่วางไว้จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟให้ได้ 7,800 เมกะวัตต์ในปี 2559 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนารวม 6,302 เมกะวัตต์

นายพงษ์ดิษฐกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมในออสเตรเลียว่า บริษัทฯ ได้สิทธิการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังลมที่ออสเตรเลีย 15 แห่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังลม Collector Wind Farm ขนาด 180 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ใบอนุญาตพัฒนาโรงไฟฟ้าในปีนี้ ส่วนอีกโครงการคือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังลม Mount Emperal ขนาดกำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ใบอนุญาตพัฒนาโรงไฟฟ้าในไตรมาส 1/2557

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาโครงการ Collinsville Energy Park ซึ่งเป็นการพัฒนาโรงไฟฟ้า Collinsville ซึ่งหยุดการผลิตแล้วให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Solar PV ขนาด 180 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในต้นปีหน้า และยังมีแผนที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้ยื่นประมูลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าแมคควารี่ขนาดกำลังผลิต 4,600 เมกะวัตต์ในออสเตรเลียเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถหาพันธมิตรร่วมทุนได้ทัน หลังจากบอร์ดบริษัทฯ มีนโยบายให้ลงทุนได้ไม่เกิน 30% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการเจรจากับบริษัทที่ยื่นประมูลซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวทั้ง 3 ราย เพื่อขอเข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วย

ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 3 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนรวม 5,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำดิวดิลิเจนต์ คาดว่าสรุปผลเดือนนี้ และมีความชัดเจนในการหาแหล่งเงินกู้และผู้รับเหมาก่อสร้างไตรมาสแรกปี 2557

ส่วนพม่า บริษัทฯ มีแผนจะเข้าไปลงทุน 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ทวายและโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสาละวิน ซึ่งการเข้าไปลงทุนทั้ง 2 โครงการนี้จะเข้าไปพร้อมกับกลุ่ม กฟผ. ส่วนการลงทุนในไทยนั้นบริษัทฯ สนใจที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินนำเข้า โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และไบโอแมส

“ในอนาคตบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายจะขยายฐานธุรกิจสู่พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์โอกาสและศักยภาพของตลาดเหล่านี้แล้ว และเห็นว่าความเป็นไปได้ในการลงทุนยังมีอยู่มาก เช่น พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม มีโอกาสที่จะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังน้ำ ส่วนฟิลิปปินส์ การลงทุนในลักษณะของการเข้าซื้อกิจการมีความน่าสนใจมาก” นายพงษ์ดิษฐกล่าว

นายพงษ์ดิษฐกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีหน้าว่า บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยหรือใกล้เคียงปีนี้ที่น่าจะมีกำไรอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีกำลังการผลิตไฟใหม่เข้ามา แต่ในปี 2558 จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหงสาขนาด 1,878 เมกะวัตต์ที่คาดว่าจ่ายไฟเข้าระบบในเดือนสิงหาคม 2557 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิดีขึ้นอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น