นักวิเคราะห์กล่าวว่า การลดขนาดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เฟดได้ประกาศลดขนาดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนเล็กน้อย จาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวดังกล่าวสร้างความปั่นป่วนให้แก่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยราคาสินทรัพย์ปรับตัวลงและสกุลเงินต่างๆร่วงลง อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลกระทบดังกล่าวส่งผลต่อจีนน้อยมาก
นายลู่ ถิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ ระบุในงานวิจัยว่า "จีนจะได้รับผลกระทบแบบเดียวกันหรือไม่ เราไม่คิดเช่นนั้น อันที่จริงแล้ว เราเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ตลาดจะกลับมาพิจารณาความแข็งแกร่งของจีน ในขณะที่ไม่ลืมปัญหาต่างๆ ของประเทศนี้"
นายลู่ยังคงคิดว่าจีนอาจจะไม่ได้รับผลกระทบในแง่ลบจากการลดขนาด QE เนื่องจากหลายเหตุผล ได้แก่ การควบคุมเงินทุน การออมจำนวนมาก การลงทุนที่ระดับสูงและความสามารถในการผลิตสูง ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก หนี้ต่างประเทศที่ระดับต่ำน้อย และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น จีนยังเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มากที่พึ่งพาการส่งออกในวงจำกัด และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อรักษาอำนาจ
นายลู่คาดว่าเฟดจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรลง 10 ดอลลาร์สหรัฐในการประชุมแต่ละครั้งนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นไป หากภาวการณ์ต่างๆเป็นไปตามคาดการณ์
นายไค ฮองโป ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Beijing Normal University กล่าวว่า ผลกระทบต่อจีนอาจรุนแรงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเฟดค่อยๆลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประเทศต่างๆ จึงจะยังมีเวลาและโอกาสเตรียมตัว
นายไคไม่ได้ให้ความสนใจกับความเสี่ยงเกี่ยวกับกระแสเงินทุนสะพัดออกจำนวนมาก ซึ่งเป็นความวิตกที่สำคัญของนักลงทุนในตลาดก่อนการประชุม FOMC โดยเขากล่าวว่าธนาคารกลางจีนได้จับตาดูการเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการไหลออกของเงินทุนจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างใกล้ชิด
นายเหลียน ปิง นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชันส์ กล่าวว่า การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีการลดขนาด QE ซึ่งกรณีดังกล่าวควรจะเป็นข่าวดีสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ที่รวมถึงจีนด้วย และจีนจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอยู่
นายเหลียนคาดว่าจะกระแสเงินทุนจะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่จีนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนยังมองมุมบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นได้จากความต้องการเงินหยวนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 และในขณะที่คาดว่าเงินทุนจะไหลเข้าสู่จีนมากขึ้นนั้น นายเหลียนไม่ได้วิตกถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งแต่อย่างใด
นายลู่ ถิง จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ ยังคงมองว่าจีนมีแนวโน้มจะกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ 7.5% สำหรับปี 2557 และยังคาดว่านโยบายการคลังจะยังคงเป็นไปในเชิงรุกในปีหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เฟดได้ประกาศลดขนาดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนเล็กน้อย จาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวดังกล่าวสร้างความปั่นป่วนให้แก่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยราคาสินทรัพย์ปรับตัวลงและสกุลเงินต่างๆร่วงลง อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลกระทบดังกล่าวส่งผลต่อจีนน้อยมาก
นายลู่ ถิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ ระบุในงานวิจัยว่า "จีนจะได้รับผลกระทบแบบเดียวกันหรือไม่ เราไม่คิดเช่นนั้น อันที่จริงแล้ว เราเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ตลาดจะกลับมาพิจารณาความแข็งแกร่งของจีน ในขณะที่ไม่ลืมปัญหาต่างๆ ของประเทศนี้"
นายลู่ยังคงคิดว่าจีนอาจจะไม่ได้รับผลกระทบในแง่ลบจากการลดขนาด QE เนื่องจากหลายเหตุผล ได้แก่ การควบคุมเงินทุน การออมจำนวนมาก การลงทุนที่ระดับสูงและความสามารถในการผลิตสูง ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก หนี้ต่างประเทศที่ระดับต่ำน้อย และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น จีนยังเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มากที่พึ่งพาการส่งออกในวงจำกัด และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อรักษาอำนาจ
นายลู่คาดว่าเฟดจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรลง 10 ดอลลาร์สหรัฐในการประชุมแต่ละครั้งนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นไป หากภาวการณ์ต่างๆเป็นไปตามคาดการณ์
นายไค ฮองโป ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Beijing Normal University กล่าวว่า ผลกระทบต่อจีนอาจรุนแรงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเฟดค่อยๆลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประเทศต่างๆ จึงจะยังมีเวลาและโอกาสเตรียมตัว
นายไคไม่ได้ให้ความสนใจกับความเสี่ยงเกี่ยวกับกระแสเงินทุนสะพัดออกจำนวนมาก ซึ่งเป็นความวิตกที่สำคัญของนักลงทุนในตลาดก่อนการประชุม FOMC โดยเขากล่าวว่าธนาคารกลางจีนได้จับตาดูการเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการไหลออกของเงินทุนจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างใกล้ชิด
นายเหลียน ปิง นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชันส์ กล่าวว่า การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีการลดขนาด QE ซึ่งกรณีดังกล่าวควรจะเป็นข่าวดีสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ที่รวมถึงจีนด้วย และจีนจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอยู่
นายเหลียนคาดว่าจะกระแสเงินทุนจะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่จีนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนยังมองมุมบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นได้จากความต้องการเงินหยวนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 และในขณะที่คาดว่าเงินทุนจะไหลเข้าสู่จีนมากขึ้นนั้น นายเหลียนไม่ได้วิตกถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งแต่อย่างใด
นายลู่ ถิง จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ ยังคงมองว่าจีนมีแนวโน้มจะกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ 7.5% สำหรับปี 2557 และยังคาดว่านโยบายการคลังจะยังคงเป็นไปในเชิงรุกในปีหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group