สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
• ก.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือน พ.ย.ขยายตัว 22.7% จากเดือนต.ค.ไปอยู่ที่ 1,091,000 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์และสูงที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของเดือน ก.ย.และ ต.ค. ซึ่งยังไม่ได้รายงานเพราะมีการปิดหน่วยงานรัฐ (Government Shutdown) โดยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านหดตัวลง 1.1% ในเดือนก.ย. และขยายตัว 1.8% ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลของเดือน พ.ย.บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น และอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เฟดตัดสินใจลดขนาดโครงการ QE เร็วขึ้น
• อังกฤษรายงานอัตราว่างงานในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.ว่าลดลงสู่ 7.4% จาก 7.6% ในเดือนก.ค.-ก.ย. ต่ำสุดในรอบมากกว่า 4 ปี โดยจำนวนผู้ว่างงานเดือนส.ค.-ต.ค. ลดลง 99,000 รายไปอยู่ที่ 2.39 ล้านราย ส่วนจำนวนผู้ที่มีงานทำเพิ่มขึ้น 250,000 ราย เป็น 30.1 ล้านราย เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ อัตราว่างงานที่ลดลงมากกว่าคาดนั้นส่งเสริมกระแสคาดการณ์ว่าอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในช่วงสิ้นปีหน้า
• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Ifo ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็น 109.5 จุดในเดือน ธ.ค. จากเดิม 109.3 จุดในเดือน พ.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็น 111.6 จุด จาก 112.2 จุด และดัชนีคาดการณ์แนวโน้มทางธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 107.4 จุด จาก 106.3 จุด ชี้ว่าว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มการขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 56
• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (DIW) คาดการณ์ว่า การลงทุนในเยอรมนีจะขยายตัวมากในปีหน้า เพราะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวและช่วยหนุนการส่งออกให้ฟื้นตัวเร็ว ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะกลับมาลงทุนอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคชาวเยอรมันจะขยายตัว 1.3% ในปี 57 และ 1.7% ในปี 58 หลังจากที่ขยายตัว 1% ในปีนี้
• ก.คลังญี่ปุ่น รายงานว่า มูลค่าการส่งออกในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น 18.4% จาก พ.ย.ปีก่อน เป็น 5.9 ล้านล้านเยน เพราะเยนอ่อนค่าลง 23.3% และยอดส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 21.1% เป็น 7.19 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1.29 ล้านล้านเยน ขาดดุลเพิ่มขึ้น 35.1% จากปีก่อน เป็นสถิติยอดขาดดุลประจำเดือนสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 นับตั้งแต่มีการเริ่มเก็บสถิติ
สะท้อนว่า การอ่อนค่าของเงินเยนไม่ได้ช่วยให้ปริมาณสินค้าส่งออกโดยรวมของญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้น แต่กลับทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น
• ก.คลังจีน รายงานว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.35% เมื่อเทียบเป็นรายปี ไปอยู่ที่ 8.48 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10
• สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านโดยเฉลี่ยตามเมืองใหญ่ของจีนเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน พ.ย.เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. ชะลอตัวลงจากที่เคยขยายตัว 0.7% ในเดือน ต.ค. เพราะรัฐบาลท้องถิ่นส่งเสริมบ้านราคาถูก ทั้งนี้ ราคาบ้านใหม่ใน 66 เมืองจาก 70 เมืองใหญ่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ราคาใน 69 เมืองใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี
• ก.พาณิชย์จีน คาดว่า ยอดค้าปลีกปีนี้จะขยายตัวเกิน 13% เมื่อเทียบปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น และการขยายตัวที่เน้นการขับเคลื่อนจากความต้องการภายในมากขึ้น นอกจากนี้ การซื้อสินค้าออนไลน์และยอดขายอุปกรณ์สื่อสารก็เป็นปัจจัยหนุนยอดค้าปลีกด้วยเช่นกัน
• ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า ต้นทุนการกู้ยืมมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากถ้ายกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้จะกว้างขึ้นหรือแคบลง แต่มีแนวโน้มว่าจะแคบลงแม้จะไม่มาก
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ยกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังคงเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่เดิม ซึ่งเป็นการส่งเสริมการปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• ธนาคารกลางอินเดียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 7.75% เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศอ่อนแอ และแนวโน้มราคาค้าปลีกมีโอกาสจะลดลงในอนาคต สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมากถึง 11% ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
• SET Index ปิดที่ 1,349.86 จุด เพิ่มขึ้น 12.68 จุด (+0.95%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 31,774 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาในตลาด แต่ปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศก็ไม่ได้เร่งตัวขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอื่นในต่างประเทศส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะยังไม่ประกาศลด QE ในการประชุมคืนนี้ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสื่อสารได้มีการรีบาวด์ค่อนข้างมากกว่าหุ้นหมวดอื่นๆ หลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.02% และส่วนใหญ่มีอัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม 53,132 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. รุ่นอายุ 2 ปี มูลค่า 35,000 ล้านบาท
สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม(18 ธ.ค.56)
กลุ่มนักลงทุน ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน +2,707.24
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -444.62
นักลงทุนต่างชาติ -1,261.27
นักลงทุนทั่วไป -1,001.35
• ก.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือน พ.ย.ขยายตัว 22.7% จากเดือนต.ค.ไปอยู่ที่ 1,091,000 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์และสูงที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของเดือน ก.ย.และ ต.ค. ซึ่งยังไม่ได้รายงานเพราะมีการปิดหน่วยงานรัฐ (Government Shutdown) โดยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านหดตัวลง 1.1% ในเดือนก.ย. และขยายตัว 1.8% ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลของเดือน พ.ย.บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น และอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เฟดตัดสินใจลดขนาดโครงการ QE เร็วขึ้น
• อังกฤษรายงานอัตราว่างงานในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.ว่าลดลงสู่ 7.4% จาก 7.6% ในเดือนก.ค.-ก.ย. ต่ำสุดในรอบมากกว่า 4 ปี โดยจำนวนผู้ว่างงานเดือนส.ค.-ต.ค. ลดลง 99,000 รายไปอยู่ที่ 2.39 ล้านราย ส่วนจำนวนผู้ที่มีงานทำเพิ่มขึ้น 250,000 ราย เป็น 30.1 ล้านราย เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ อัตราว่างงานที่ลดลงมากกว่าคาดนั้นส่งเสริมกระแสคาดการณ์ว่าอังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในช่วงสิ้นปีหน้า
• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Ifo ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็น 109.5 จุดในเดือน ธ.ค. จากเดิม 109.3 จุดในเดือน พ.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็น 111.6 จุด จาก 112.2 จุด และดัชนีคาดการณ์แนวโน้มทางธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 107.4 จุด จาก 106.3 จุด ชี้ว่าว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มการขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 56
• สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (DIW) คาดการณ์ว่า การลงทุนในเยอรมนีจะขยายตัวมากในปีหน้า เพราะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวและช่วยหนุนการส่งออกให้ฟื้นตัวเร็ว ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะกลับมาลงทุนอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคชาวเยอรมันจะขยายตัว 1.3% ในปี 57 และ 1.7% ในปี 58 หลังจากที่ขยายตัว 1% ในปีนี้
• ก.คลังญี่ปุ่น รายงานว่า มูลค่าการส่งออกในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น 18.4% จาก พ.ย.ปีก่อน เป็น 5.9 ล้านล้านเยน เพราะเยนอ่อนค่าลง 23.3% และยอดส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 21.1% เป็น 7.19 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1.29 ล้านล้านเยน ขาดดุลเพิ่มขึ้น 35.1% จากปีก่อน เป็นสถิติยอดขาดดุลประจำเดือนสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 นับตั้งแต่มีการเริ่มเก็บสถิติ
สะท้อนว่า การอ่อนค่าของเงินเยนไม่ได้ช่วยให้ปริมาณสินค้าส่งออกโดยรวมของญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้น แต่กลับทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น
• ก.คลังจีน รายงานว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.35% เมื่อเทียบเป็นรายปี ไปอยู่ที่ 8.48 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10
• สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านโดยเฉลี่ยตามเมืองใหญ่ของจีนเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน พ.ย.เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. ชะลอตัวลงจากที่เคยขยายตัว 0.7% ในเดือน ต.ค. เพราะรัฐบาลท้องถิ่นส่งเสริมบ้านราคาถูก ทั้งนี้ ราคาบ้านใหม่ใน 66 เมืองจาก 70 เมืองใหญ่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ราคาใน 69 เมืองใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี
• ก.พาณิชย์จีน คาดว่า ยอดค้าปลีกปีนี้จะขยายตัวเกิน 13% เมื่อเทียบปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น และการขยายตัวที่เน้นการขับเคลื่อนจากความต้องการภายในมากขึ้น นอกจากนี้ การซื้อสินค้าออนไลน์และยอดขายอุปกรณ์สื่อสารก็เป็นปัจจัยหนุนยอดค้าปลีกด้วยเช่นกัน
• ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า ต้นทุนการกู้ยืมมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากถ้ายกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้จะกว้างขึ้นหรือแคบลง แต่มีแนวโน้มว่าจะแคบลงแม้จะไม่มาก
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ยกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังคงเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่เดิม ซึ่งเป็นการส่งเสริมการปฏิรูปอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• ธนาคารกลางอินเดียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 7.75% เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศอ่อนแอ และแนวโน้มราคาค้าปลีกมีโอกาสจะลดลงในอนาคต สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมากถึง 11% ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
• SET Index ปิดที่ 1,349.86 จุด เพิ่มขึ้น 12.68 จุด (+0.95%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 31,774 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาในตลาด แต่ปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศก็ไม่ได้เร่งตัวขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอื่นในต่างประเทศส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะยังไม่ประกาศลด QE ในการประชุมคืนนี้ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสื่อสารได้มีการรีบาวด์ค่อนข้างมากกว่าหุ้นหมวดอื่นๆ หลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.02% และส่วนใหญ่มีอัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม 53,132 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. รุ่นอายุ 2 ปี มูลค่า 35,000 ล้านบาท
สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม(18 ธ.ค.56)
กลุ่มนักลงทุน ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน +2,707.24
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -444.62
นักลงทุนต่างชาติ -1,261.27
นักลงทุนทั่วไป -1,001.35