ขสมก.เล่นมุกเดิมเชิญสื่อแถลงความคืบหน้าซื้อรถเมล์ NGV 7 พ.ย. ผิดวัตถุประสงค์ข้อเรียกร้องคนพิการที่ให้แจ้งก่อน 1 อาทิตย์เพื่อเปิดกว้างรับฟังความเห็นสาธารณชน ด้านอนุฯ ป.ป.ช.อัด ขสมก.บิดเบือนข้อมูลราคากลางและทยอยประมูลทีละสัญญา ชี้ถามจากเอกชนได้ราคาตามแค็ตตาล็อกที่บวกกำไรแล้ว ซัดประมูลมีธงล่วงหน้าไม่โปร่งใส เผยดึงดันเดินต่อตามสเปกเดิมเตรียมทำหนังสือเปิดผนึกถึง “ชัชชาติ”
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (5 พ.ย.) กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้แจ้งว่า ขสมก.จะจัดงานรายงานข้อมูลและความคืบหน้าการประกวดราคา ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงการใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จํานวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2ล้านบาท ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ที่ห้องบุญยะจินดา 1 ชั้น 2 สโมสรตำรวจ ระหว่างเวลา 14.00-15.00 น. เพื่อเป็นการชี้แจงข้อมูลโครงการและตอบข้อซักถามต่างๆ จากผู้ที่สนใจที่ให้ข้อเสนอแนะในโครงการ ตามที่ ขสมก.ได้เปิดห้องชี้แจงไปแล้วที่ ขสมก.สำนักงานใหญ่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา และตัวแทนผู้พิการเรียกร้องให้ ขสมก.เปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความเห็นในวงกว้าง โดยจะเชิญหน่วยงานต่างๆ และเอกชนเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 23 ราย เช่น ประธานมูลนิธิมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ, ประธานคณะทำงานศึกษา เฝ้าระวังและติดตามการจัดหารถโดยสาร NGV ป.ป.ช., ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย), กรมบัญชีกลาง และบริษัทเอกชนผู้ผลิตรถอีก 19 ราย
นายไพโรจน์ วงศ์วิภานันท์ ประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดศึกษาเฝ้าระวังโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คันของ ขสมก. เปิดเผยว่า เห็นไดัชัดว่าการทำงานของ ขสมก.ในโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คันไม่ค่อยจริงจังและไม่จริงใจ ทั้งที่สังคมห่วงว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการ ซึ่งขสมก.ควรทำงานให้หนักกว่านี้ ตั้งแต่การหาราคากลางถ้าทำได้ถูกต้องใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดเพื่อให้มีการคอร์รัปชันน้อยที่สุด แต่ ขสมก.กลับไปสอบถามราคากลางจากเอกชน ทำให้ราคากลางที่เป็นราคาตามแค็ตตาล็อก ซึ่งเป็นราคาสูงที่รวมกำไรไปแล้ว ทั้งที่ควรไปถามราคาจากคนที่เคยซื้อจริงแต่ ขสมก.ไม่ทำ นอกจากนี้ ขสมก.ไปถามราคารถใหม่นำเข้าทั้งคัน ซึ่งจะต้องเสียภาษี 40% แต่รถที่ ขสมก.จะจัดหาตามโครงการนี้เป็นการนำเข้าแบบแยกชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศ ซึ่งจะเสียภาษีแค่ 10% ดังนั้นราคารถจะถูกกว่าแบบนำเข้ารถใหม่ทั้งคันมาก การทำงานเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความซื่อตรงในการทำงานแล้ว
ส่วนประเด็นการประมูลที่ ขสมก.ยืนยันว่าการแยกประมูลทีละสัญญาจะผิดกฎหมายเพราะได้อนุมัติวงเงินโครงการมาก้อนเดียวนั้น ขสมก.ให้ข้อมูลไม่หมด ซึ่งส่วนตัวได้สอบถามจากกระทรวงการคลังแล้ว ได้คำตอบว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คัน วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท สามารถแยกประมูลทีละสัญญาได้ถ้ามีเหตุผลแต่ต้องไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขอำนาจของผู้อนุมัติตามวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เช่น หากวงเงินรวมเป็นอำนาจที่รัฐมนตรีต้องอนุมัติโครงการ เมื่อประมูลทีละสัญญาก็ต้องเป็นอำนาจของรัฐมนตรีในการอนุมัติห้ามเปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่ให้เห็นแล้วว่าการประมูลคราวเดียวจะเสียเปรียบเอกชน แต่ ขสมก.ก็ยังยืนกรานตามเดิมเหมือนกับเรื่องที่เสนอให้ซื้อรถเมล์ขนาด 8-12 ม.เพื่อประหยัดค่าเชื้อเพลิง อีกทั้งรถขนาดใหญ่ไม่เหมาะสมกับสภาพเมืองที่คับแคบ รวมถึงต้องจัดหารถที่ต้องดูแลผู้พิการแต่ ขสมก.ก็ไม่รับฟัง
“ผมจะไม่ไปร่วมงานของ ขสมก.ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร และเคยคุยกับนายนเรศ บุญเปี่ยม รองผู้อำนวยการ ขสมก. ในฐานะประธานคณะกรรมการร่าง TOR โดยเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ ไปแล้ว แต่นายนเรศก็ยังยืนยันเหตุผลเดิมๆ อยู่ เหมือนมีสเปกตั้งไว้ จึงหมดกำลังใจที่จะคุยกับ ขสมก.แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังนำตัวเลขราคารถจากกรมศุลกากรเพื่อจะเปรียบเทียบให้สังคมเห็นว่าราคาที่แท้จริงถูกกว่าราคากลางที่ ขสมก.กำหนดมากน้อยเพียงใด แต่ถ้า ขสมก.ดึงดันจะรีบเปิดประมูลให้ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ป.ป.ช.จะมีการเปิดแถลงข่าวชี้ถึงความไม่โปร่งใสของโครงการอย่างจริงจัง และอาจต้องทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคมด้วย” นายไพโรจน์กล่าว
ด้านนางสาวอาภาณี มิตรทอง ตัวแทนผู้พิการ ผู้ริเริ่มการรณรงค์แคมเปญ change but for all กล่าวว่า เหนื่อยใจกับสิ่งที่ ขสมก.ทำ ซึ่งข้อเรียกร้องไม่ใช่ประเด็นของผู้พิการเท่านั้น โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้สอบถามด้านเทคนิคเกี่ยวกับส่วนประกอบรถยนต์ไปหลายเรื่อง แต่ ขสมก.ตอบคำถามไม่ได้เลย จะบอกว่าได้ชี้แจงทุกอย่างไปหมดแล้วได้อย่างไร และที่นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก.รับปากว่าจะเปิดประชาพิจารณ์ แต่เปิดรับฟังความเห็นแค่ชั่วโมงเดียว มันก็ไม่ใช่ประชาพิจารณ์แล้ว เป็นงานแถลงข่าวหรือเปล่า แถมยังจัดชั้น 2 ที่สโมสรตำรวจพวกตนจะขึ้นไปรับฟังได้อย่างไร รับปากไว้ว่าจะแจ้งล่วงหน้า 1 สัปดาห์แต่กลับแจ้งแบบกระชั้นชิด และได้รับรู้จากสื่อมวลชนก่อน จึงไม่แน่ใจว่า ขสมก.จริงใจที่จะให้ผู้พิการไปร่วมงานหรือไม่