“ยิ่งลักษณ์” มั่นใจไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนหลังเปิด AEC เหตุรัฐมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ทำให้ไทยดึงดูดการค้าและการลงทุน สั่งตั้งอาเซียนยูนิตเร่งให้ความรู้ประชาชนและผู้ประกอบการ พร้อมให้ทำแผนโซนนิ่งเกษตร อุตสาหกรรม พัฒนา SMEs OTOP และค้าชายแดน ด้าน “นิวัฒน์ธำรง” แย้มลดอุดหนุนสินค้าเกษตร นำร่องผลักดันเลิกปลูกข้าวหันปลูกอ้อยแทน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน “อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน” วันนี้ (28 ต.ค.) ว่า ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้งที่สามารถเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียนเข้ากับเศรษฐกิจโลก โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและเตรียมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท รองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และการเปิดเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่ค้า ทั้งในกรอบอาเซียน+6 ที่กำลังจะเจรจาความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) กับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย และการเจรจากับสหภาพยุโรป รวมถึงการศึกษาเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งจะทำให้การเปิดเสรีครอบคลุมทั้งโลก และทำให้ไทยเป็นแหล่งดึงดูดการค้าและการลงทุนที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ ในการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นเรื่องที่ประชาชนควรได้รับรู้ว่าจะได้ประโยชน์อะไร และโอกาสใหม่ๆ คืออะไร รวมถึงจะเตรียมตัวอย่างไร ซึ่งได้สั่งการให้ทุกกระทรวงจัดตั้งอาเซียนยูนิตเพื่อชี้แจงข้อมูลให้ประชาชนทุกระดับได้รับรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ และให้มีการประชุมระดับปฏิบัติการตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจนถึงระดับรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมรอบด้าน
“ในระดับนโยบายให้มีการหารือพูดคุยกันในเรื่องการพัฒนาโซนนิ่งภาคการเกษตร โซนนิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรม การส่งเสริม SMEs และ OTOP การส่งเสริมการค้าชายแดน การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบให้สอดคล้องและเป็นสากล การเตรียมตัวของบุคลากรโดยการพัฒนาด้านการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้คนไทยกินดีอยู่ดีและผู้ประกอบการไทยได้ประโยชน์หลังการเปิด AEC”
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ศักยภาพของไทยในอาเซียนจะเป็นประตูการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เพราะไทยค่อนข้างได้เปรียบเหนือประเทศอาเซียนอื่น ประกอบกับไทยมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 2 ล้านล้านบาทเพื่อเชื่อมไทยเข้ากับอาเซียน จึงเชื่อว่าเมื่อ AEC เกิดขึ้นจะเป็นโอกาสในการขยายการค้า การลงทุนของไทยได้อีกมาก โดยไทยต้องเตรียมพร้อมรองรับประชากรอาเซียน 650 ล้านคน โดยหากเปรียบเทียบจีดีพีประเทศไทยที่มีเพียง 12 ล้านล้านบาท แต่จีดีพีอาเซียนรวมกันมีมากถึง 72-73 ล้านล้านบาท ซึ่งตลาดจะใหญ่ขึ้นมาก
ทั้งนี้ เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้น การใช้แนวทางการจำนำหรือแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรต่างๆ จะต้องลดลง และต้องใช้มาตรการอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ไทยได้พยายามทำความเข้าใจต่อเกษตรกรทั่วประเทศ ที่จะชี้ให้เห็นว่าจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริมให้สินค้าเกษตรบางรายการมีราคาสูงขึ้น โดยรัฐบาลได้เดินหน้าลดพื้นที่เพาะปลูก เช่น พื้นที่ปลูกข้าว และให้เกษตรกรหันมาปลูกอ้อย โดยสามารถลดพื้นที่ไปได้บางส่วนถึง 1 ล้านไร่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าสินค้าเกษตรของไทยในหลายกลุ่มจะสามารถทำตลาดและมีราคาดีขึ้นได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นบริเวณโถงอาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ มีผู้ให้ความสนใจเข้าชมน้อยมาก เนื่องจากสถานที่จัดงานอยู่ไกล และประชาชนเดินทางไปลำบาก
