ASTVผู้จัดการรายวัน - “คีรี” แย้มผู้ถือหน่วยลงทุน “BTSGIF” เตรียมรับเงินปันผลอีกครั้ง หลังรายได้จากการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสไตรมาส 2/2556-57 โตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยันกำเงิน 3.4 หมี่นล้านบาท เตรียมพร้อมประมูลโครงการรถไฟฟ้าเน้นส่วนต่อขยายสายสีเขียว และต่างประเทศ
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2556-57 (มิ.ย.-ก.ย. 56) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเติบโตขึ้นกว่า 12% สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ คาดว่าครึ่งปีหลังรายได้จากการเดินรถไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นอีกจากปัจจุบันที่มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าเกือบ 7 แสนคน/วัน เนื่องจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีลมจากวงเวียนใหญ่-บางหว้า ทำให้มีผู้โดยสารเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น
รายได้จากการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 นี้ เติบโตในอัตราที่สูงกว่าที่ระบุในหนังสือชี้ชวนการขายหน่วยลงทุน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง ในฐานะผู้บริหารกองทุนฯ จะพิจารณาการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนBTSGIF เป็นครั้งที่ 2 ในเร็วๆ นี้ ล่าสุดผู้บริหารกองทุนฯ มีนโยบายจะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน BTSGIF ทุกไตรมาส
“จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายที่ตั้งไว้ว่าจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาทในปี 2556/57, ไม่น้อยกว่า 7 พันล้านบาทในปี 2557/58 และไม่น้อยกว่า 8 พันล้านบาทในปี 2558/59”
นายคีรีกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีเงินสดในมืออยู่ 3.4 หมื่นล้านบาท และยังมีวอร์แรนต์ที่รอการใช้สิทธิใน 4 ปีข้างหน้าอีก 4 หมื่นล้านบาทเพื่อเตรียมพร้อมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งการทำโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า บริษัทฯ ไม่อยากลงทุนเกิน 1.2 แสนล้านบาท โดยเล็งยื่นประมูลโครงการรถไฟฟ้า 4 สายทั้งส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสีเขียว โครงการรถไฟฟ้าสีชมพู โครงการรถไฟฟ้าไลต์เรลเส้นทางบางนา-สุวรรณภูมิ เป็นต้น
ส่วนความคืบหน้าการเข้าไปบริหารเดินรถโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียนั้น ตามที่บริษัทได้ลงนามตั้งกิจการร่วมค้า (คอนซอร์เตียม) เพื่อเป็นที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกที่อินโดนีเซีย โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะเป็นผู้บริหารเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โดยไม่ต้องการเข้าไปลงทุนโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลเนื่องจากใช้เงินลงทุนสูง แต่หากจะเข้าไปลงทุนในโครงการคงเป็นสัดส่วนน้อย 5-10%
โครงการดังกล่าวนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยรัฐบาลอินโดนีเซีย และบริษัท พีที จาการ์ตา โมโนเรล ในฐานะผู้ได้รับสัมปทาน โดยโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกที่อินโดนีเซีย 2 เส้นทาง ระยะทาง 14.3 และ 14.7 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 29.8 กิโลเมตร โดยมีอายุสัมปทาน 40 ปี โดยพีที จาการ์ตาฯ เป็นผู้ลงทุนในงานก่อสร้างและวางระบบโครงการทั้งหมด คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2559
“ขณะนี้ทุกประเทศในแถบอาเซียนต้องการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาจราจร ซึ่งบีทีเอสก็จะเป็นตัวละครที่สำคัญในการเข้าไปบริหารการเดินรถไฟฟ้า โดยไม่ต้องการที่จะขนเงินไปลงทุนโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งรูปแบบการลงทุนในเวียดนามจะเหมือนกับที่จาการ์ตา”
นายคีรีกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อทำธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งปัจจุบันได้มีการเปิดร้านอาหารจีนเชฟแมน (Chefman) แล้ว 2 แห่งที่โรงแรมอีสตินแกรนด์ สาทร และธนาซิตี้ จะขยายเพิ่มอีก 1-2 แห่งในเร็วๆ นี้ ซึ่งในอนาคตบริษัทฯ เล็งที่จะนำบริษัทย่อยนี้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย
วันนี้ (24 ต.ค.) ราคาหน่วยลงทุน BTSGIF อยู่ที่ 9.85 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ 10.80 บาท