“ปลัดคมนาคม”เร่งยกระดับความปลอดภัย สั่งขบ.เข้มปราบรถเถื่อนวิ่งทับรถร่วมฯขสมก.

“ปลัดคมนาคม”เร่งยกระดับคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยการบริการระบบขนส่งทั้ง บก น้ำ อากาศ ย้ำทุกโครงการต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมเร่งแก้ปัญหารถร่วมฯ ขสมก.สั่งขบ.ปราบรถเถื่อนวิ่งทับเส้นทางกระทบรายได้

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมเพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยเร่งรัดให้ทุกหน่วยงาน ยกระดับคุณภาพมาตรฐานการให้บริหารประชาชนในทุกด้านทั้งทางบก ทางน้ำ อากาศ ทางถนนและระบบราง โดยเน้นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งทุกหน่วยงานต้องบูรณาการทำงานระหว่างกันให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทุกระบบต้องสัมพันธ์กัน บุคลากรต้องได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และทักษะในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์ของโลก ที่สำคัญต้องดำเนินงานและโครงการต่างๆด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สาย ให้แล้วเสร็จตามกำหนด การพัฒนาจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าและรูปแบบการขนส่งอื่น การพัฒนาระบบตั๋วร่วม การส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบการขนส่งมวลชน การจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ การแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดหน้าด่านทางพิเศษ และการส่งเสริมการใช้บัตร Easy Pass เป็นต้น

นายสมชัยกล่าวถึงกรณีรถตู้โดยสารสาธารณะร่วมบริการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. สาย ต.97 วิ่งให้บริการเส้นทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง-ปากเกร็ด ปิดถนนบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า รถตู้ถูกเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเนื่องจากวิ่งให้บริการทับเส้นทางรถโดยสารสาธารณะสาย 150 ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานในเส้นทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถนนลาดพร้าว ถนนสุขาภิบาล1 ถนนรามอินทรา อนุสาวรีย์หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองมีคำสั่งให้ รถร่วมบริการ ขสมก. สาย ต. 97 กลับไปวิ่งให้บริการตามเส้นทางที่ได้รับสัมปทานของตนเอง แต่กลับไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองและยังคงมาวิ่งให้บริการทับเส้นทางสาย 150 อีก

โดยกรณีดังกล่าวมองว่าพนักงานขับรถตู้ในเส้นทางดังกล่าวกระทำเกินกว่าเหตุ เมื่อเป็นฝ่ายกระทำผิดกฎหมายแล้วยังปิดถนนเพื่อเรียกร้องเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น จึงเรียกร้องให้ผู้ประกอบการควรออกมาเจรจากับภาครัฐจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการกระทำดังกล่าว พร้อมเตือนผู้ประกอบการรถร่วมบริการหากยังใช้วิธีการเรียกร้องที่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนแก่ผู้อื่นจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด สำหรับบทลงโทษผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะที่วิ่งให้บริการทับเส้นทางหรือวิ่งให้บริการนอกเส้นทางจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

ด้านนายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดี ขบ. กล่าวว่า ขบ.ได้รับมอบหมายให้เร่งดำเนินการปราบปรามรถผิดกฎหมายที่วิ่งทับเส้นทางรถร่วมบริการ ขสมก.ที่ได้รับสัมปทานจาก ขสมก.อย่างถูกต้อง ซึ่งมีทั้งรถสี่ล้อเล็กหรือ ซูบารุ และรถตู้ หลังจากผู้ประกอบการรถร่วมฯขสมก.ร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบ เดือดร้อน ประสบภาวะขาดทุน เพราะผู้ใช้บริการลดลง โดยเบื้องต้นได้หารือรายละเอียดกับผู้ประกอบการฯ ว่ามีเส้นทางใดบางที่มีรถผิดกฎหมายวิ่งทับ เพื่อร่วมกันดำเนินการตามกฎหมาย โดยได้ทยอยลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว และจะสรุปผลการดำเนินงานรายงานต่อนายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคมภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งในส่วนของขบ.มีหน้าที่ในการปราบปรามรถผิดกฎหมาย แต่มีเจ้าหน้าที่น้อย ดังนั้นผู้ประกอบการรถร่วมฯ จึงต้องร่วมมือด้วย