“พฤณฑ์” เรียกทุกหน่วยรายงานเหตุ เครื่องบิน A 330 เที่ยวบินทีจี 679 กวางโจ่ว-กรุงเทพฯ ของการบินไทย ไถลออกรันเวย์สุวรรณภูมิ พร้อมเตรียมส่งกล่องดำตรวจพิสูจน์หาสาเหตุ ด้านทอท. เผย เที่ยวบินดีเลย์ 10-15 นาที พร้อมเตรียมดอนเมือง อู่ตะเภาไว้รองรับแล้ว
ในช่วงบ่าย วันนี้ (9 ก.ย.) พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกผู้บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ,กรมการบินพลเรือน(บพ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) มารายงานกรณีเครื่องบิน แอร์บัส A 330-300 เที่ยวบินที่ ทีจี 679 เส้นทางกวางโจ่ว-กรุงเทพฯ ของบริษัทการบินไทยเกิดฐานล้อขัดข้องทำให้ไถลออกนอกทางวิ่งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อเวลาประมาณ 23.26 น.ของวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา
พล.อ.พฤณท์กล่าวว่า ในเบื้องต้นทราบว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้ตามปกติแต่มาเกิดการลื่นไถลขณะวิ่งอยู่บนทางวิ่ง ทำให้เครื่องยนต์ขวาเสียดสีไปกับพื้นทางวิ่งจนเกิดประกายไฟ ซึ่งในวันที่ 10 กันยายนนี้ ทางกรมการบินพลเรือน และการบินไทย จะส่งกล่องดำไปตรวจพิสูจน์สาเหตุที่ชัดเจน ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะนำส่งไปยังบริษัท แอร์บัส สำนักงานใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศส หรือสำนักงานย่อยที่ใกล้ที่สุดคือประเทศสิงคโปร์ ขณะที่ล่าสุดทางบริษัท แอร์บัส ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบสภาพเครื่องบินแล้ว ส่วนทอท.รายงานว่าอยู่ระหว่างเร่งเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกจากทางวิ่ง แต่เนื่องจากล้อหน้าจมลงไปบนพื้นดิน จึงต้องใช้เวลาในการเคลื่อนย้าย ซึ่งเชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 09.00 น.วันพุธที่ 11 กันยายน
ด้านน.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ เมื่อช่วงเช้านี้ เครื่องบินต้องบินวนอยู่บนอากาศลำละประมาณ 15 นาที ล่าช้าไปแล้วรวม 99 ลำ และมีเครื่องบินดีเลย์ที่หลุมจอด 30 นาที รวม 106 ลำ แต่ยังไม่มีเที่ยวบินไหนขอเปลี่ยนจุดลงจอดไปยังดอนเมืองกับอู่ตะเภาที่เราเตรียมไว้รองรับ โดยยืนยันว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรองรับเที่ยวบินได้ทั้งหมด แต่ช่วงที่มีเที่ยวบินคับคั่ง เที่ยวบินจะดีเลย์ประมาณ 10-15 นาที ไม่ใช่ช่วงคับคั่งก็จะไม่ดีเลย์เลย โดยปัจจุบันที่สุวรรณภูมิมีเที่ยวบิน 800 เที่ยวบินต่อวัน และเราสามารถรองรับได้ถึง 70 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
ภายหลังเกิดอุบัติเหตุ ทอท.ได้ร่วมกับคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) ประสานไปทุกสายการบินที่จะเดินทางมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแจ้งเหตุให้รับทราบและให้สายการบินหรือนักบินตัดสินใจว่าจะลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง หรืออู่ตะเภา เพราะหากลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอาจเกิดความล่าช้า (ดีเลย์) ประมาณ 10-15 นาที แต่ถ้าไม่อยากดีเลย์ก็สามารถเปลี่ยนจุดหมายลงจอดไปยังอีก 2 ท่าอากาศยานที่ AOT เตรียมไว้ให้ ซึ่งวานนี้ยังไม่มีสายการบินขอเปลี่ยนจุดหมายลงจอด