ธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงที่จะจ่ายเงิน 49.8 ล้านดอลลาร์ เพื่อรอมชอมคดีกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐ หลังจากก.ล.ต.สหรัฐกล่าวหายูบีเอสว่าสร้างความเข้าใจผิดให้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับการทำธุรกรรมตราสารหนี้จำนองที่มีความเสี่ยงสูง ก่อนที่ตราสารหนี้ดังกล่าวจะกลายเป็นตราสารหนี้ด้อยคุณภาพในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน
การรอมชอมคดีในครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดการสอบสวนคดีตราสาร CDO (collaterized debt obligation) ที่ยูบีเอสจัดทำ ขึ้นในช่วงกลางปี 2007 โดยก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า ตราสารดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนสูญเสียเงิน 130 ล้านดอลลาร์เมื่อมีการเทขายตราสารออกมาในเดือนมิ.ย. 2008
วงเงินที่ยูบีเอสใช้ในการรอมชอมคดีในครั้งนี้ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า วงเงินที่ธนาคารอื่นๆเคยจ่ายไปเพื่อยุติการสอบสวนของก.ล.ต.สหรัฐ ในคดี CDO
โดยปกติแล้ว CDO มักจะได้รับการค้ำประกันโดยสัญญาจำนองและสินเชื่ออื่นๆ ขณะที่ธนาคารมักจะแยกขาย CDO เป็นส่วนๆให้แก่นักลงทุน
โกลด์แมน แซคส์จ่ายเงิน 550 ล้านดอลลาร์ในปี 2010 เพื่อรอมชอมกับก.ล.ต.สหรัฐในคดี Abacus 2007-AC1 CDO ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคจ่ายเงิน 153.6 ล้านดอลลาร์เพื่อรอมชอมคดีในปี 2011 ส่วนซิตี้กรุ๊ปตกลงที่จะจ่ายเงิน 285 ล้านดอลลาร์เพื่อรอมชอมคดี CDO เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลุ่มนี้และยูบีเอสไม่ได้ยอมรับว่าตนเองกระทำผิดในการตกลงรอมชอมคดี
ก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า ยูบีเอสถือครองเงินสด 23.6 ล้านดอลลาร์ที่ทาง ธนาคารได้รับล่วงหน้า ในขณะที่ทางธนาคารเข้าถือครองตราสาร CDS (credit default swap) ในฐานะที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมสำหรับ ACA ABS 2007-02 CDO โดยยูบีเอสได้รับค่าธรรมเนียม 10.8 ล้านดอลลาร์ในการทำธุรกรรมนี้ด้วย
ก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า ยูบีเอสฝ่าฝืนกฎหมายหลักทรัพย์ เนื่องจากไม่ได้เปิดเผยเงินสดที่ได้รับล่วงหน้า และยูบีเอสแจ้งตัวเลขต้นทุนที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงในการเข้าถือครองหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืม
นายจอร์จ คาเนลลอส ผู้อำนวยการร่วมของแผนกการบังคับใช้กฎหมายของก.ล.ต.สหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า "ยูบีเอสเก็บเงิน 23.6 ล้านดอลลาร์ นี้ไว้ ถึงแม้ว่าเงื่อนไขในข้อตกลงระบุว่า เงินดังกล่าวควรไปอยู่ที่ CDO เพื่อผลประโยชน์ของนักลงทุน"
นางเมแกน สตินสัน โฆษกของยูบีเอส กล่าวว่า การรอมชอมคดีในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่สิ้นสุดลงเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน และกล่าวเสริมว่า "เราเชื่อว่าการรอมชอมคดีในครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดการสอบสวนทั้งหมดของก.ล.ต. สหรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของยูบีเอสในด้านการปรับโครงสร้างและการทำการตลาด CDO ที่ได้รับการค้ำประกันจากหลักทรัพย์จำนองที่อยู่อาศัย"
ไม่มีการตั้งข้อหาต่อบุคคลคนใดในคดีนี้ โดยเงินรอมชอมคดี 49.8 ล้านดอลลาร์นี้ครอบคลุมเงินสดที่ยูบีเอสได้รับล่วงหน้า, ค่าธรรมเนียม, ดอกเบี้ย 9.7 ล้านดอลลาร์ และค่าปรับ 5.7 ล้านดอลลาร์
บริษัทเอซีเอ ไฟแนนเชียล การันตี กรุ๊ปเป็นผู้จัดการหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมในคดีนี้ และเป็นผู้ที่ช่วยเลือกหลักทรัพย์สำหรับตราสาร CDO ของยูบีเอส
นางลอรา ชวาร์ทซ์ อดีตผู้บริหารของบริษัทเอซีเอได้ให้การต่อก.ล.ต.สหรัฐ ในการไต่สวนคดีฟ้องร้องนายฟาบริซ ตูร์เร อดีตรองประธานโกลด์แมน แซคส์ เมื่อเร็วๆนี้ โดยคดีนี้เกี่ยวข้องกับการจัดทำ Abacus CDO และการทำการตลาดตราสารดังกล่าว ขณะที่คณะลูกขุนในแมนฮัตตันได้ตัดสินในวันที่ 1 ส.ค.ว่า นายตูร์เรมีความผิดในข้อหาฉ้อโกง
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
การรอมชอมคดีในครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดการสอบสวนคดีตราสาร CDO (collaterized debt obligation) ที่ยูบีเอสจัดทำ ขึ้นในช่วงกลางปี 2007 โดยก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า ตราสารดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนสูญเสียเงิน 130 ล้านดอลลาร์เมื่อมีการเทขายตราสารออกมาในเดือนมิ.ย. 2008
วงเงินที่ยูบีเอสใช้ในการรอมชอมคดีในครั้งนี้ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า วงเงินที่ธนาคารอื่นๆเคยจ่ายไปเพื่อยุติการสอบสวนของก.ล.ต.สหรัฐ ในคดี CDO
โดยปกติแล้ว CDO มักจะได้รับการค้ำประกันโดยสัญญาจำนองและสินเชื่ออื่นๆ ขณะที่ธนาคารมักจะแยกขาย CDO เป็นส่วนๆให้แก่นักลงทุน
โกลด์แมน แซคส์จ่ายเงิน 550 ล้านดอลลาร์ในปี 2010 เพื่อรอมชอมกับก.ล.ต.สหรัฐในคดี Abacus 2007-AC1 CDO ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคจ่ายเงิน 153.6 ล้านดอลลาร์เพื่อรอมชอมคดีในปี 2011 ส่วนซิตี้กรุ๊ปตกลงที่จะจ่ายเงิน 285 ล้านดอลลาร์เพื่อรอมชอมคดี CDO เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลุ่มนี้และยูบีเอสไม่ได้ยอมรับว่าตนเองกระทำผิดในการตกลงรอมชอมคดี
ก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า ยูบีเอสถือครองเงินสด 23.6 ล้านดอลลาร์ที่ทาง ธนาคารได้รับล่วงหน้า ในขณะที่ทางธนาคารเข้าถือครองตราสาร CDS (credit default swap) ในฐานะที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมสำหรับ ACA ABS 2007-02 CDO โดยยูบีเอสได้รับค่าธรรมเนียม 10.8 ล้านดอลลาร์ในการทำธุรกรรมนี้ด้วย
ก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า ยูบีเอสฝ่าฝืนกฎหมายหลักทรัพย์ เนื่องจากไม่ได้เปิดเผยเงินสดที่ได้รับล่วงหน้า และยูบีเอสแจ้งตัวเลขต้นทุนที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงในการเข้าถือครองหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืม
นายจอร์จ คาเนลลอส ผู้อำนวยการร่วมของแผนกการบังคับใช้กฎหมายของก.ล.ต.สหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า "ยูบีเอสเก็บเงิน 23.6 ล้านดอลลาร์ นี้ไว้ ถึงแม้ว่าเงื่อนไขในข้อตกลงระบุว่า เงินดังกล่าวควรไปอยู่ที่ CDO เพื่อผลประโยชน์ของนักลงทุน"
นางเมแกน สตินสัน โฆษกของยูบีเอส กล่าวว่า การรอมชอมคดีในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่สิ้นสุดลงเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน และกล่าวเสริมว่า "เราเชื่อว่าการรอมชอมคดีในครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดการสอบสวนทั้งหมดของก.ล.ต. สหรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของยูบีเอสในด้านการปรับโครงสร้างและการทำการตลาด CDO ที่ได้รับการค้ำประกันจากหลักทรัพย์จำนองที่อยู่อาศัย"
ไม่มีการตั้งข้อหาต่อบุคคลคนใดในคดีนี้ โดยเงินรอมชอมคดี 49.8 ล้านดอลลาร์นี้ครอบคลุมเงินสดที่ยูบีเอสได้รับล่วงหน้า, ค่าธรรมเนียม, ดอกเบี้ย 9.7 ล้านดอลลาร์ และค่าปรับ 5.7 ล้านดอลลาร์
บริษัทเอซีเอ ไฟแนนเชียล การันตี กรุ๊ปเป็นผู้จัดการหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมในคดีนี้ และเป็นผู้ที่ช่วยเลือกหลักทรัพย์สำหรับตราสาร CDO ของยูบีเอส
นางลอรา ชวาร์ทซ์ อดีตผู้บริหารของบริษัทเอซีเอได้ให้การต่อก.ล.ต.สหรัฐ ในการไต่สวนคดีฟ้องร้องนายฟาบริซ ตูร์เร อดีตรองประธานโกลด์แมน แซคส์ เมื่อเร็วๆนี้ โดยคดีนี้เกี่ยวข้องกับการจัดทำ Abacus CDO และการทำการตลาดตราสารดังกล่าว ขณะที่คณะลูกขุนในแมนฮัตตันได้ตัดสินในวันที่ 1 ส.ค.ว่า นายตูร์เรมีความผิดในข้อหาฉ้อโกง
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak