ธนาคารกลางจีน (PBOC) ตัดสินใจที่จะรอดูท่าทีอยู่นอกตลาดต่อไป ขณะที่ภาวะสภาพคล่องหดตัวส่งผลให้ตลาดการระดมทุนระหว่างธนาคาร ประสบภาวะปั่นป่วนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เทรดเดอร์ใน ตลาดเงินกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวของธนาคารกลางจีนบ่งชี้ว่า รัฐบาลจีนมีความเชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจ ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนชะลอการเติบโตก็ตาม
จุดยืนดังกล่าวของธนาคารกลางจีนแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนมองว่าการผ่อนคลายทางการเงินเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และเจ้าหน้าที่จีนเต็มใจที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจชะลอการเติบโตในระยะใกล้ เพื่อแลกกับการสกัดกั้นความเสี่ยงในระบบในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในระดับที่มากเกินไป
ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาในสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อ, ปริมาณเงิน และอัตราการเติบโตของสินเชื่อต่างก็อยู่ในระดับที่ต่ำเกินคาด และนักวิเคราะห์หลายรายได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อรับมือต่อสัญญาณ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนที่แท้จริงกำลังชะลอการเติบโต อย่างไรก็ดี การคาดการณ์ดังกล่าวไม่ได้กลายเป็นความจริงแต่อย่างใด
เทรดเดอร์กล่าวว่า รัฐบาลจีนมีความกังวลมากเป็นพิเศษต่อเรื่องที่ว่า การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจปรับตัว ตามการคาดการณ์นั้นเอง ในขณะที่มีกระแสข่าวลือว่า ทางการจีนสูญเสียความสามารถในการควบคุมเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจจีนใกล้ที่จะชะลอตัวอย่างรุนแรง
เทรดเดอร์ตลาดเงินคนหนึ่งกล่าวว่า "ในขณะที่นักลงทุนหลายรายคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในทางลบ ก็มีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่การคาดการณ์ดังกล่าวจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ โดยผ่านทางภาวะตื่นตระหนกของธนาคารพาณิชย์และสถาบันอื่นๆ และด้วยเหตุนี้ธนาคารกลางจีนจึงดำเนินมาตรการริเริ่มในการลดกระแสความกังวลในตลาด"
"การที่ธนาคารกลางจีนใช้จุดยืนอย่างแข็งกร้าวในระยะนี้ ไม่ใช่การคุมเข้มนโยบายการเงิน แต่เป็นการกระทำที่ต้องการให้ตลาดเข้าใจว่า นโยบายการเงินจะยังคงอยู่ในภาวะเป็นกลางในปัจจุบัน"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบหลายปีในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาวะปั่นป่วนในช่วงที่ผ่านมาจะยังคงส่งผล กระทบทางจิตวิทยาต่อไป
การที่ธนาคารกลางจีนใช้จุดยืนแบบนี้หมายความว่า ถึงแม้ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้นในอนาคต แต่นักลงทุนก็จะตีความการกระทำดังกล่าวว่าเป็นเพียงการปรับรายละเอียดในทางเทคนิค และไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจีนได้หันมาผ่อนคลายนโยบาย การเงิน
นางหวัง เตา หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจจีนของธนาคารยูบีเอสระบุว่า "เหตุการณ์ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีน ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ธนาคารกลางจะไม่สนับสนุนการขยายตัว ของสินเชื่ออย่างรวดเร็วจนเกินไป"
นางหวังกล่าวว่า "สิ่งที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อาจจะเป็นการที่รัฐบาลกลางของจีน สามารถยอมรับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้มากยิ่งขึ้นและการที่รัฐบาลกลางให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นต่อการควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน"ในช่วงต้นปีนี้นั้น เงินลงทุนจำนวนมากจากต่างชาติได้ไหลเข้าสู่จีนและส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดอินเตอร์แบงก์อยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยที่กระตุ้นกระแสเงินไหลเข้านี้ได้แก่การแข็งค่าของหยวน, อัตราดอกเบี้ย ที่ระดับต่ำในประเทศพัฒนาแล้ว และการคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้นั้น ธนาคารกลางจีนมักจะใช้ปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิด เป็นเครื่องมือหลักในการจัดการกับกระแสเงินที่ไหลบ่าเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก โดยใช้วิธีดูดซับเม็ดเงินส่วนเกินออกจากตลาด
อย่างไรก็ดี สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันในเดือนพ.ค. ในขณะที่กระแสเงินไหลเข้าเริ่มชะลอตัวลง และเริ่มมีเงินไหลออกจากจีน ขณะที่ตลาดโลกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับ ลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ธนาคารกลางจีนรายงานในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารพาณิชย์จีนและธนาคารกลางจีนได้เข้าซื้อเงินตราต่างชาติเป็นมูลค่ารวมกัน 6.7 หมื่นล้านหยวน ในเดือนพ.ค. โดยลดลงอย่างมากจากค่าเฉลี่ยที่ 3.78 แสนล้านหยวนต่อเดือนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะใช้ปฏิบัติการในตลาดเปิดในการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบ เพื่อชดเชยกระแสเงินไหลเข้าที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนได้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยธนาคารกลางได้ดูดซับเม็ดเงินออกจากระบบผ่านทางการออกตั๋วเงินของธนาคารกลาง หลังจากที่เคยระงับการจำหน่ายตั๋วเงินนี้นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2011
ธนาคารกลางจีนยังคงรอดูท่าทีอยู่นอกตลาด ถึงแม้ปัจจัยด้านฤดูกาลที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล Dragon Boat ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ภาวะสภาพคล่องหดตัวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
ภาวะตึงตัวนี้ส่งผลกระทบต่อการเปิดประมูลขายพันธบัตรรัฐบาลในวันที่ 14 มิ.ย. โดยกระทรวงการคลังจีนประสบความล้มเหลวในการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลได้ครบตามวงเงินที่ตั้งไว้ที่ 1.5 หมื่ืนล้านหยวน (2.5 พันล้านดอลลาร์) และนับเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลังประสบความล้มเหลวในเรื่องนี้นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2011 เป็นต้นมา
อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วันของจีนได้พุ่งขึ้นแตะ 9.81 % ในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 11 ปี
ธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านทางปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดตามปกติเมื่อวานนี้ แต่ธนาคารกลางจีนกลับดูดซับเม็ดเงิน 2 พันล้านหยวนออกจากระบบโดยผ่านทางการเปิดขายตั๋วเงินของธนาคารกลางปริมาณ 2 พันล้านหยวนนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อสภาพคล่องในตลาด อย่างไรก็ดี การออกจำหน่ายตั๋วเงินเมื่อวานนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวในการต่อต้านการผ่อนคลายทางการเงิน
อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 1 วัน ร่วงลงเล็กน้อยหลังจากวันที่ 8 มิ.ย. แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอยู่ที่ 5.57 % เมื่อวานนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะยาวก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติเป็นอย่างมากเช่นกัน
อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 7 วัน ซึ่งถือเป็นเกณฑ์อ้างอิงในการวัดสภาพคล่องระยะสั้นของตลาดเงินจีน พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2012 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และยังคงอยู่ใกล้ระดับดังกล่าว
เทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะใช้ปฏิบัติการในตลาดเปิด โดยเฉพาะการซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse repurchase) เพื่อช่วยหนุนปริมาณเงินในตลาด ถ้าหากภาวะตลาดเงินหดตัวยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ ถ้าหากธนาคารกลางจีนไม่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาด สภาพคล่องก็อาจจะยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.หรือต้นเดือนก.ค. เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สิ้นไตรมาส และธนาคารพาณิชย์มักจะพยายามเพิ่มปริมาณเงินฝากในช่วงนี้เพื่อทำให้งบการเงินดูดีในสายตาของผู้ถือหุ้นและผู้ควบคุมกฎระเบียบ
ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินอยู่ที่ระดับสูงต่อไปเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ สิ่งนี้ก็จะเริ่มส่งผลกระทบต่อต้นทุนการระดมทุนในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และบริษัทขนาดเล็กจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในการกู้ยืมเงินในระบบการเงินจีน-
ต้นทุนการระดมทุนระยะสั้นในจีนพุ่งสูงขึ้นในวันที่ 19 มิย. โดยอัตราดอกเบี้ย อ้างอิงของตลาดเงินจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์ไม่คาดว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาด
ตลาดเงินจีนประสบภาวะสภาพคล่องหดตัวตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. และภาวะดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินอื่นๆต้องปรับลดการดำเนินธุรกิจในส่วนที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ดี สิ่งนี้อาจจะสร้างความพึงพอใจให้แก่ธนาคารกลางจีน โดยธนาคารกลางจีนได้หันมาใช้จุดยืนแบบสายเหยี่ยวต่อสภาพคล่องในตลาดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยมีจุดประสงค์เพื่อปราบปรามการ ดำเนินกิจกรรมแบบเสี่ยงสูงของธนาคารเงา
อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 7 วัน ซึ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของตลาดเงินจีน พุ่งขึ้น 1.38 % สู่ 8.20 % ในช่วงเที่ยงวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2007
อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 1 วัน ทะยานขึ้น 2.02 % สู่ 7.69 % ในวันนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 14 วัน ปรับขึ้น 1.50 % สู่ 7.68 %
อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินจีนพุ่งขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. เป็นต้นมา แต่ธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาด เนื่องจากต้องการสยบการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลง หลังจากธนาคารกลางของประเทศอื่นๆปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปีนี้
ดีลเลอร์รายหนึ่งกล่าวว่า "ทุกคนรู้สึกผิดหวังที่ธนาคารกลางจีนไม่ได้อัดฉีดเม็ดเงินในช่วงที่ผ่านมา" และกล่าวเสริมว่า "อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดเงินจะไม่ประสบภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในระยะกลาง"
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวลือในตลาดว่า ธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐบาลจีนได้กดดันธนาคารกลางจีนให้ปรับลด RRR ลงเพื่อช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในตลาดอย่างไรก็ดี เทรดเดอร์กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดRRR ลงในเร็วๆนี้ ในขณะที่ความพยายามของธนาคารกลางจีนในการสยบ การคาดการณ์ในตลาดเพิ่งจะเริ่มส่งผลกระทบให้เห็นในช่วงนี้
เทรดเดอร์กล่าวว่า สิ่งที่ธนาคารกลางจีนสามารถทำได้มากที่สุด ก็คือการทำธุรกรรมซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ในตลาดเปิด เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดในปริมาณจำกัด
ตลาดเงินจีนได้รับผลกระทบจากความต้องการเงินทุนเป็นอย่างมากในระยะนี้ ซึ่งรวมถึงความต้องการระดมทุนในช่วงสิ้นไตรมาส เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องสำรองเงินสดให้ ได้มากพอตามที่กฎระเบียบกำหนดไว้ และเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์ ต้องการเพิ่มยอดเงินฝากในรายงานรายไตรมาสที่ส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วย
เทรดเดอร์คาดว่า ภาวะสภาพคล่องตึงตัวจะดำเนินต่อไปอีก 2-3 สัปดาห์ ก่อนที่สภาพคล่องจะเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่นับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. เป็นต้นไป เนื่องจากความต้องการระดมเงินช่วงสิ้นไตรมาสได้สิ้นสุด
ลงแล้ว ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินของธนาคารกลางจีน ก็จะครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงนั้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาในตลาด
T.Thammasak
จุดยืนดังกล่าวของธนาคารกลางจีนแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนมองว่าการผ่อนคลายทางการเงินเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และเจ้าหน้าที่จีนเต็มใจที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจชะลอการเติบโตในระยะใกล้ เพื่อแลกกับการสกัดกั้นความเสี่ยงในระบบในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในระดับที่มากเกินไป
ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาในสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อ, ปริมาณเงิน และอัตราการเติบโตของสินเชื่อต่างก็อยู่ในระดับที่ต่ำเกินคาด และนักวิเคราะห์หลายรายได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อรับมือต่อสัญญาณ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนที่แท้จริงกำลังชะลอการเติบโต อย่างไรก็ดี การคาดการณ์ดังกล่าวไม่ได้กลายเป็นความจริงแต่อย่างใด
เทรดเดอร์กล่าวว่า รัฐบาลจีนมีความกังวลมากเป็นพิเศษต่อเรื่องที่ว่า การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจปรับตัว ตามการคาดการณ์นั้นเอง ในขณะที่มีกระแสข่าวลือว่า ทางการจีนสูญเสียความสามารถในการควบคุมเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจจีนใกล้ที่จะชะลอตัวอย่างรุนแรง
เทรดเดอร์ตลาดเงินคนหนึ่งกล่าวว่า "ในขณะที่นักลงทุนหลายรายคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในทางลบ ก็มีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่การคาดการณ์ดังกล่าวจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ โดยผ่านทางภาวะตื่นตระหนกของธนาคารพาณิชย์และสถาบันอื่นๆ และด้วยเหตุนี้ธนาคารกลางจีนจึงดำเนินมาตรการริเริ่มในการลดกระแสความกังวลในตลาด"
"การที่ธนาคารกลางจีนใช้จุดยืนอย่างแข็งกร้าวในระยะนี้ ไม่ใช่การคุมเข้มนโยบายการเงิน แต่เป็นการกระทำที่ต้องการให้ตลาดเข้าใจว่า นโยบายการเงินจะยังคงอยู่ในภาวะเป็นกลางในปัจจุบัน"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบหลายปีในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาวะปั่นป่วนในช่วงที่ผ่านมาจะยังคงส่งผล กระทบทางจิตวิทยาต่อไป
การที่ธนาคารกลางจีนใช้จุดยืนแบบนี้หมายความว่า ถึงแม้ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้นในอนาคต แต่นักลงทุนก็จะตีความการกระทำดังกล่าวว่าเป็นเพียงการปรับรายละเอียดในทางเทคนิค และไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจีนได้หันมาผ่อนคลายนโยบาย การเงิน
นางหวัง เตา หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจจีนของธนาคารยูบีเอสระบุว่า "เหตุการณ์ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีน ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ธนาคารกลางจะไม่สนับสนุนการขยายตัว ของสินเชื่ออย่างรวดเร็วจนเกินไป"
นางหวังกล่าวว่า "สิ่งที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อาจจะเป็นการที่รัฐบาลกลางของจีน สามารถยอมรับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้มากยิ่งขึ้นและการที่รัฐบาลกลางให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นต่อการควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน"ในช่วงต้นปีนี้นั้น เงินลงทุนจำนวนมากจากต่างชาติได้ไหลเข้าสู่จีนและส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดอินเตอร์แบงก์อยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยที่กระตุ้นกระแสเงินไหลเข้านี้ได้แก่การแข็งค่าของหยวน, อัตราดอกเบี้ย ที่ระดับต่ำในประเทศพัฒนาแล้ว และการคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้นั้น ธนาคารกลางจีนมักจะใช้ปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิด เป็นเครื่องมือหลักในการจัดการกับกระแสเงินที่ไหลบ่าเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก โดยใช้วิธีดูดซับเม็ดเงินส่วนเกินออกจากตลาด
อย่างไรก็ดี สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันในเดือนพ.ค. ในขณะที่กระแสเงินไหลเข้าเริ่มชะลอตัวลง และเริ่มมีเงินไหลออกจากจีน ขณะที่ตลาดโลกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับ ลดขนาดมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ธนาคารกลางจีนรายงานในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารพาณิชย์จีนและธนาคารกลางจีนได้เข้าซื้อเงินตราต่างชาติเป็นมูลค่ารวมกัน 6.7 หมื่นล้านหยวน ในเดือนพ.ค. โดยลดลงอย่างมากจากค่าเฉลี่ยที่ 3.78 แสนล้านหยวนต่อเดือนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะใช้ปฏิบัติการในตลาดเปิดในการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบ เพื่อชดเชยกระแสเงินไหลเข้าที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนได้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยธนาคารกลางได้ดูดซับเม็ดเงินออกจากระบบผ่านทางการออกตั๋วเงินของธนาคารกลาง หลังจากที่เคยระงับการจำหน่ายตั๋วเงินนี้นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2011
ธนาคารกลางจีนยังคงรอดูท่าทีอยู่นอกตลาด ถึงแม้ปัจจัยด้านฤดูกาลที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล Dragon Boat ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ภาวะสภาพคล่องหดตัวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
ภาวะตึงตัวนี้ส่งผลกระทบต่อการเปิดประมูลขายพันธบัตรรัฐบาลในวันที่ 14 มิ.ย. โดยกระทรวงการคลังจีนประสบความล้มเหลวในการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลได้ครบตามวงเงินที่ตั้งไว้ที่ 1.5 หมื่ืนล้านหยวน (2.5 พันล้านดอลลาร์) และนับเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลังประสบความล้มเหลวในเรื่องนี้นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2011 เป็นต้นมา
อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วันของจีนได้พุ่งขึ้นแตะ 9.81 % ในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 11 ปี
ธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านทางปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดตามปกติเมื่อวานนี้ แต่ธนาคารกลางจีนกลับดูดซับเม็ดเงิน 2 พันล้านหยวนออกจากระบบโดยผ่านทางการเปิดขายตั๋วเงินของธนาคารกลางปริมาณ 2 พันล้านหยวนนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อสภาพคล่องในตลาด อย่างไรก็ดี การออกจำหน่ายตั๋วเงินเมื่อวานนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวในการต่อต้านการผ่อนคลายทางการเงิน
อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 1 วัน ร่วงลงเล็กน้อยหลังจากวันที่ 8 มิ.ย. แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอยู่ที่ 5.57 % เมื่อวานนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะยาวก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติเป็นอย่างมากเช่นกัน
อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 7 วัน ซึ่งถือเป็นเกณฑ์อ้างอิงในการวัดสภาพคล่องระยะสั้นของตลาดเงินจีน พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2012 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และยังคงอยู่ใกล้ระดับดังกล่าว
เทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะใช้ปฏิบัติการในตลาดเปิด โดยเฉพาะการซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse repurchase) เพื่อช่วยหนุนปริมาณเงินในตลาด ถ้าหากภาวะตลาดเงินหดตัวยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ ถ้าหากธนาคารกลางจีนไม่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาด สภาพคล่องก็อาจจะยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.หรือต้นเดือนก.ค. เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สิ้นไตรมาส และธนาคารพาณิชย์มักจะพยายามเพิ่มปริมาณเงินฝากในช่วงนี้เพื่อทำให้งบการเงินดูดีในสายตาของผู้ถือหุ้นและผู้ควบคุมกฎระเบียบ
ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินอยู่ที่ระดับสูงต่อไปเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ สิ่งนี้ก็จะเริ่มส่งผลกระทบต่อต้นทุนการระดมทุนในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และบริษัทขนาดเล็กจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในการกู้ยืมเงินในระบบการเงินจีน-
ต้นทุนการระดมทุนระยะสั้นในจีนพุ่งสูงขึ้นในวันที่ 19 มิย. โดยอัตราดอกเบี้ย อ้างอิงของตลาดเงินจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์ไม่คาดว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อช่วยหนุนสภาพคล่องในตลาด
ตลาดเงินจีนประสบภาวะสภาพคล่องหดตัวตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. และภาวะดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินอื่นๆต้องปรับลดการดำเนินธุรกิจในส่วนที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ดี สิ่งนี้อาจจะสร้างความพึงพอใจให้แก่ธนาคารกลางจีน โดยธนาคารกลางจีนได้หันมาใช้จุดยืนแบบสายเหยี่ยวต่อสภาพคล่องในตลาดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยมีจุดประสงค์เพื่อปราบปรามการ ดำเนินกิจกรรมแบบเสี่ยงสูงของธนาคารเงา
อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 7 วัน ซึ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของตลาดเงินจีน พุ่งขึ้น 1.38 % สู่ 8.20 % ในช่วงเที่ยงวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2007
อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 1 วัน ทะยานขึ้น 2.02 % สู่ 7.69 % ในวันนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 14 วัน ปรับขึ้น 1.50 % สู่ 7.68 %
อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินจีนพุ่งขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. เป็นต้นมา แต่ธนาคารกลางจีนปฏิเสธที่จะอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาด เนื่องจากต้องการสยบการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลง หลังจากธนาคารกลางของประเทศอื่นๆปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต้นปีนี้
ดีลเลอร์รายหนึ่งกล่าวว่า "ทุกคนรู้สึกผิดหวังที่ธนาคารกลางจีนไม่ได้อัดฉีดเม็ดเงินในช่วงที่ผ่านมา" และกล่าวเสริมว่า "อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดเงินจะไม่ประสบภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในระยะกลาง"
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวลือในตลาดว่า ธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐบาลจีนได้กดดันธนาคารกลางจีนให้ปรับลด RRR ลงเพื่อช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในตลาดอย่างไรก็ดี เทรดเดอร์กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดRRR ลงในเร็วๆนี้ ในขณะที่ความพยายามของธนาคารกลางจีนในการสยบ การคาดการณ์ในตลาดเพิ่งจะเริ่มส่งผลกระทบให้เห็นในช่วงนี้
เทรดเดอร์กล่าวว่า สิ่งที่ธนาคารกลางจีนสามารถทำได้มากที่สุด ก็คือการทำธุรกรรมซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ในตลาดเปิด เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดในปริมาณจำกัด
ตลาดเงินจีนได้รับผลกระทบจากความต้องการเงินทุนเป็นอย่างมากในระยะนี้ ซึ่งรวมถึงความต้องการระดมทุนในช่วงสิ้นไตรมาส เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องสำรองเงินสดให้ ได้มากพอตามที่กฎระเบียบกำหนดไว้ และเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์ ต้องการเพิ่มยอดเงินฝากในรายงานรายไตรมาสที่ส่งให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วย
เทรดเดอร์คาดว่า ภาวะสภาพคล่องตึงตัวจะดำเนินต่อไปอีก 2-3 สัปดาห์ ก่อนที่สภาพคล่องจะเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่นับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. เป็นต้นไป เนื่องจากความต้องการระดมเงินช่วงสิ้นไตรมาสได้สิ้นสุด
ลงแล้ว ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินของธนาคารกลางจีน ก็จะครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงนั้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาในตลาด
T.Thammasak