นักวิเคราะห์ทางเทคนิคกล่าวว่า การร่วงลงของราคาทองในช่วงที่ผ่านมาอาจดำเนินต่อไป โดยการดิ่งลงทะลุระดับต่ำสุดของเดือนเม.ย.ที่ 1,322 ดอลลาร์/ออนซ์ มีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาทองทรุดตัวลงมากขึ้นสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2010
นับตั้งแต่ทำสถิติร่วงลงหนักที่สุดติดต่อกัน 2 วันในรอบ 30 ปีในเดือน เม.ย. ราคาทองก็เผชิญความยากลำบากในการฟื้นตัวขึ้น และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองก็ได้ร่วงลงติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี
นักวิเคราะห์ซึ่งทำการศึกษาราคาทองในอดีตเพื่อกำหนดทิศทางการซื้อขายในอนาคตระบุว่า หากราคาทองร่วงลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดของเดือนเม.ย. ก็จะส่งผลให้ราคาทรุดตัวลงครั้งใหญ่
นายริชาร์ด แอดค็อก นักยุทธศาสตร์การลงทุนตามปัจจัยทางเทคนิคของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า "ถ้าหากราคาทองร่วงผ่านจุดต่ำสุดของเดือนเม.ย. ก็จะได้รับแรงกดดันจากคำสั่งขายรอบใหม่ และปัจจัยนี้อาจฉุดราคาทองให้ดิ่งลงผ่านระดับ 1,304 ดอลลาร์ลงไป และทรุดตัวลงเข้าใกล้ระดับ 1,161 ดอลลาร์"
"การร่วงผ่านจุดดังกล่าวจะเป็นการกดดันสถานะซื้อทองต่อไป และกระตุ้นให้มีการเทขายทองออกมามากยิ่งขึ้น ในขณะที่ผู้ถือครองสถานะซื้อทองในระยะยาวปิดสถานะการลงทุน และนักลงทุนเริ่มถือครองสถานะขายในทองอีกครั้ง"
ธนาคารคอมเมอร์ซแบงก์ยกเลิกการคาดการณ์ราคาทองระยะ 1 เดือนในทางลบที่เคยประกาศออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากราคาทองดีดกลับขึ้นมากว่า 2 % ในวันจันทร์ โดยคอมเมอร์ซแบงก์ระบุว่า ราคาทองอาจปรับตัวขึ้นได้อีกในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี นายอเล็กซ์ รูดอล์ฟ นักวิเคราะห์ของคอมเมอร์ซแบงก์ กล่าวว่า ราคาทองยังคงมีภาพรวมในเชิงลบ ตราบใดที่ราคายังคงอยู่ใต้แนวต้านที่ 1,500-1,532.20 ดอลลาร์
ราคาทองดิ่งลงในเดือนเม.ย. ในขณะที่การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นกระตุ้นให้นักลงทุนถอนเงินลงทุนออกจากกองทุน ETF ทอง และมีการคาดการณ์กันในช่วงนั้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง
ราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากร่วงผ่านระดับสำคัญทางเทคนิคที่ 1,521 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของเดือนธ.ค. 2011
ราคาทองดีดขึ้นในเวลาต่อมา ในขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองแท่ง, เหรียญทอง และเครื่องประดับทอง เพื่อฉวยโอกาสลงทุนในช่วงที่ราคาทองปรับตัวลง อย่างไรก็ดี การดีดขึ้นของราคาทองหยุดชะงักใต้ระดับ 1,490 ดอลลาร์/ออนซ์
นายเจอร์รี เซลายา นักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคของบริษัท เรดทาวเวอร์ รีเสิร์ช กล่าวว่า "การพุ่งขึ้นของราคาทองได้สิ้นสุดลงที่ระดับต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์ และราคาทองไม่สามารถกลับขึ้นมายืนอยู่เหนือ 1,522 ดอลลาร์ได้ ซึ่งสิ่งนี้ถือว่ามีความสำคัญมากต่อการซื้อขาย เพราะตอกย้ำแนวโน้มในทางลบของราคาทอง"
ราคาทองอยู่ในภาวะตลาดหมีในขณะนี้ เพราะดิ่งลงมาแล้วกว่า 20 % จากสถิติสูงสุดที่ 1,920.30 ดอลลาร์ ซึ่งทำไว้ในวันที่ 6 ก.ย. 2011 และราคาทองยังทรุดตัวลงมาแล้วกว่า 18 % จากช่วงต้นปีนี้ด้วย
ถ้าหากราคาทองปิดตลาดปีนี้ที่ระดับต่ำกว่า 1,675 ดอลลาร์ ก็จะปิดตลาดในแดนลบเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา
การดิ่งลงของราคาทองในเดือนเม.ย. ส่งผลให้ราคาหลุดออกจากแนวโน้มการปรับตัวแบบไซด์เวย์ในช่วง 18 เดือนก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ดี ราคาทองยังไม่ได้ทำลายแนวโน้มช่วงขาขึ้นในระยะยาวลงทั้งหมด โดยช่วงขาขึ้น ในระยะยาวนี้เคยส่งผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้นจากระดับ 250 ดอลลาร์ในปี 2001 สู่สถิติสูงสุดในเดือนก.ย. 2011
นายคลิฟ กรีน จากบริษัทคลิฟ กรีน คอนซัลแทนซี กล่าวว่า "ช่วงขาขึ้นพื้นฐานในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา อาจจะยังคงดำรงอยู่ต่อไปในช่วงนี้"
นายกรีนกล่าวว่า "มีเส้นเทรนด์ไลน์ 2 เส้นที่สำคัญสำหรับกรอบเวลานี้ โดยเส้นแรกอยู่ที่ระดับราว 1,100 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าหากราคาทองร่วงผ่านระดับดังกล่าวลงไป ก็อาจจะดิ่งลงทดสอบเส้นถัดไปที่ระดับราว 800 ดอลลาร์"
ถ้าหากราคาทองดิ่งลงผ่านจุดต่ำสุดของเดือนเม.ย. ราคาทองก็มีแนวรับระยะใกล้อยู่ที่ 1,301-1,308 ดอลลาร์ โดยแนวรับนี้อยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดของปี 2011 และเท่ากับว่าราคาทองลดช่วงบวกลงมาแล้ว 50 % หลังจากพุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดของปี 2008 สู่สถิติสูงสุดในเดือนก.ย. 2011
การดิ่งลงของราคาทองในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเปราะบางของราคาทอง
นายแอดค็อกกล่าวว่า ขณะนี้ สัญญาณ MACD รายเดือนของราคาทองอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2001 ซึ่งบ่งชี้ว่า ราคาทองอาจมีแนวโน้มทรุดตัวลงในระยะยาว
นายแอดค็อกกล่าวว่า "คุณอาจกล่าวได้ว่า ขณะนี้ตลาดทองกำลังปรับตัวตามรูปแบบในเชิงลบ โดยจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของแต่ละวันกำลังปรับตัวลงเรื่อยๆ"
"เมื่อนำสิ่งนี้มาพิจารณาร่วมกับระดับ MACD รายเดือนระยะยาว ก็เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ตลาดมีแนวโน้มในทางลบในขณะนี้ โดยช่วงขาขึ้นระยะยาวกำลังจะสิ้นสุดลง และตลาดทองกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลงระยะยาว"
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
นับตั้งแต่ทำสถิติร่วงลงหนักที่สุดติดต่อกัน 2 วันในรอบ 30 ปีในเดือน เม.ย. ราคาทองก็เผชิญความยากลำบากในการฟื้นตัวขึ้น และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองก็ได้ร่วงลงติดต่อกันยาวนานที่สุดในรอบ 4 ปี
นักวิเคราะห์ซึ่งทำการศึกษาราคาทองในอดีตเพื่อกำหนดทิศทางการซื้อขายในอนาคตระบุว่า หากราคาทองร่วงลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดของเดือนเม.ย. ก็จะส่งผลให้ราคาทรุดตัวลงครั้งใหญ่
นายริชาร์ด แอดค็อก นักยุทธศาสตร์การลงทุนตามปัจจัยทางเทคนิคของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า "ถ้าหากราคาทองร่วงผ่านจุดต่ำสุดของเดือนเม.ย. ก็จะได้รับแรงกดดันจากคำสั่งขายรอบใหม่ และปัจจัยนี้อาจฉุดราคาทองให้ดิ่งลงผ่านระดับ 1,304 ดอลลาร์ลงไป และทรุดตัวลงเข้าใกล้ระดับ 1,161 ดอลลาร์"
"การร่วงผ่านจุดดังกล่าวจะเป็นการกดดันสถานะซื้อทองต่อไป และกระตุ้นให้มีการเทขายทองออกมามากยิ่งขึ้น ในขณะที่ผู้ถือครองสถานะซื้อทองในระยะยาวปิดสถานะการลงทุน และนักลงทุนเริ่มถือครองสถานะขายในทองอีกครั้ง"
ธนาคารคอมเมอร์ซแบงก์ยกเลิกการคาดการณ์ราคาทองระยะ 1 เดือนในทางลบที่เคยประกาศออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากราคาทองดีดกลับขึ้นมากว่า 2 % ในวันจันทร์ โดยคอมเมอร์ซแบงก์ระบุว่า ราคาทองอาจปรับตัวขึ้นได้อีกในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี นายอเล็กซ์ รูดอล์ฟ นักวิเคราะห์ของคอมเมอร์ซแบงก์ กล่าวว่า ราคาทองยังคงมีภาพรวมในเชิงลบ ตราบใดที่ราคายังคงอยู่ใต้แนวต้านที่ 1,500-1,532.20 ดอลลาร์
ราคาทองดิ่งลงในเดือนเม.ย. ในขณะที่การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นกระตุ้นให้นักลงทุนถอนเงินลงทุนออกจากกองทุน ETF ทอง และมีการคาดการณ์กันในช่วงนั้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทอง
ราคาทองดิ่งลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากร่วงผ่านระดับสำคัญทางเทคนิคที่ 1,521 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของเดือนธ.ค. 2011
ราคาทองดีดขึ้นในเวลาต่อมา ในขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองแท่ง, เหรียญทอง และเครื่องประดับทอง เพื่อฉวยโอกาสลงทุนในช่วงที่ราคาทองปรับตัวลง อย่างไรก็ดี การดีดขึ้นของราคาทองหยุดชะงักใต้ระดับ 1,490 ดอลลาร์/ออนซ์
นายเจอร์รี เซลายา นักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคของบริษัท เรดทาวเวอร์ รีเสิร์ช กล่าวว่า "การพุ่งขึ้นของราคาทองได้สิ้นสุดลงที่ระดับต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์ และราคาทองไม่สามารถกลับขึ้นมายืนอยู่เหนือ 1,522 ดอลลาร์ได้ ซึ่งสิ่งนี้ถือว่ามีความสำคัญมากต่อการซื้อขาย เพราะตอกย้ำแนวโน้มในทางลบของราคาทอง"
ราคาทองอยู่ในภาวะตลาดหมีในขณะนี้ เพราะดิ่งลงมาแล้วกว่า 20 % จากสถิติสูงสุดที่ 1,920.30 ดอลลาร์ ซึ่งทำไว้ในวันที่ 6 ก.ย. 2011 และราคาทองยังทรุดตัวลงมาแล้วกว่า 18 % จากช่วงต้นปีนี้ด้วย
ถ้าหากราคาทองปิดตลาดปีนี้ที่ระดับต่ำกว่า 1,675 ดอลลาร์ ก็จะปิดตลาดในแดนลบเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา
การดิ่งลงของราคาทองในเดือนเม.ย. ส่งผลให้ราคาหลุดออกจากแนวโน้มการปรับตัวแบบไซด์เวย์ในช่วง 18 เดือนก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ดี ราคาทองยังไม่ได้ทำลายแนวโน้มช่วงขาขึ้นในระยะยาวลงทั้งหมด โดยช่วงขาขึ้น ในระยะยาวนี้เคยส่งผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้นจากระดับ 250 ดอลลาร์ในปี 2001 สู่สถิติสูงสุดในเดือนก.ย. 2011
นายคลิฟ กรีน จากบริษัทคลิฟ กรีน คอนซัลแทนซี กล่าวว่า "ช่วงขาขึ้นพื้นฐานในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา อาจจะยังคงดำรงอยู่ต่อไปในช่วงนี้"
นายกรีนกล่าวว่า "มีเส้นเทรนด์ไลน์ 2 เส้นที่สำคัญสำหรับกรอบเวลานี้ โดยเส้นแรกอยู่ที่ระดับราว 1,100 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าหากราคาทองร่วงผ่านระดับดังกล่าวลงไป ก็อาจจะดิ่งลงทดสอบเส้นถัดไปที่ระดับราว 800 ดอลลาร์"
ถ้าหากราคาทองดิ่งลงผ่านจุดต่ำสุดของเดือนเม.ย. ราคาทองก็มีแนวรับระยะใกล้อยู่ที่ 1,301-1,308 ดอลลาร์ โดยแนวรับนี้อยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดของปี 2011 และเท่ากับว่าราคาทองลดช่วงบวกลงมาแล้ว 50 % หลังจากพุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดของปี 2008 สู่สถิติสูงสุดในเดือนก.ย. 2011
การดิ่งลงของราคาทองในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเปราะบางของราคาทอง
นายแอดค็อกกล่าวว่า ขณะนี้ สัญญาณ MACD รายเดือนของราคาทองอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2001 ซึ่งบ่งชี้ว่า ราคาทองอาจมีแนวโน้มทรุดตัวลงในระยะยาว
นายแอดค็อกกล่าวว่า "คุณอาจกล่าวได้ว่า ขณะนี้ตลาดทองกำลังปรับตัวตามรูปแบบในเชิงลบ โดยจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของแต่ละวันกำลังปรับตัวลงเรื่อยๆ"
"เมื่อนำสิ่งนี้มาพิจารณาร่วมกับระดับ MACD รายเดือนระยะยาว ก็เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า ตลาดมีแนวโน้มในทางลบในขณะนี้ โดยช่วงขาขึ้นระยะยาวกำลังจะสิ้นสุดลง และตลาดทองกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลงระยะยาว"
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak