xs
xsm
sm
md
lg

ดีลแม็คโครไม่แพง "ธนินท์"ไม่เพิ่มทุนมาจ่าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"เจ้าสัวธนินท์" ยัน 1.88 แสนล้านบาท ลงทุนซื้อแม็คโครไม่แพง มีแต่จะช่วยเอื้อซีพีออลล์เติบโต ย้ำลงทุนสูง แต่ใช้วิธีกู้สถาบันการเงิน เผยมีถึง 5 แห่งพร้อมปล่อยกู้ ไม่มีการเพิ่มทุนมาจ่าย การันตีโชวห่วยได้รับการดูแลต่อไป "พาณิชย์"ยินดี เป็นครั้งแรกที่บริษัทไทยฮุบกิจการค้าส่งต่างชาติ เผยแม้จะเป็นรายใหญ่ แต่ไม่ทำธุรกิจผูกขาดหรือเอาเปรียบรายอื่น ก็ไม่มีปัญหา

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เปิดเผยว่า จากการที่ซีพีออลล์ตัดสินใจเซ็นสัญญากับทางเอสเอชวี กรุ๊ป (SHV GROUP) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของทางแม็คโคร ในการซื้อกิจการบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ แม็คโคร ด้วยมูลค่า 188,880 ล้านบาทนั้น มีหลายคนสงสัยและสอบถามว่าเป็นตัวเลขการลงทุนที่สูงจนเกินไปหรือไม่ ขอยืนยันว่าเป็นเม็ดเงินการลงทุนที่ไม่แพงและถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก แลกกับการได้มาซึ่งบุคคลากรและทีมงานที่มีประสิทธิภาพทางด้านค้าส่งอย่างแม็คโคร เห็นได้จากตัวเลขการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น จากความแข็งแกร่งทางด้านค้าส่งของแม็คโคร ซึ่งมีฐานลูกค้าคนละกลุ่มกับค้าปลีกรูปแบบคอนวีเนียนสโตร์อย่างเซเว่นอีเลฟเว่น จึงมั่นใจว่าแม็คโครจะช่วยส่งเสริมและนำพาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของซีพีไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างอาเซียนได้เป็นอย่างดี

"จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ต่างชาติทั้งญี่ปุ่น จีน และจากทั่วโลกมุ่งเข้ามาลงทุนในไทยสูงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้นจากแรงงานขั้นต่ำที่เพิ่มเป็น 300 บาทต่อวัน รวมถึงด้านการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม เติบโตตามไปด้วย ซึ่งลูกค้าร้านอาหารและโรงแรมถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของแม็คโคร ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าการซื้อกิจการแม็คโครในครั้งนี้ ถึงจะมองว่าซื้อมาแพงในวันนี้ แต่จะถูกในวันข้างหน้า และจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งการซื้อมาจะแพงหรือไม่แพงอยู่ที่ว่าใครซื้อ ก็เหมือนกับตอนที่บิ๊กซีซื้อคาร์ฟูร์ก็มีคนบอกว่าแพง แต่วันนี้ราคาหุ้นบิ๊กซีสูงขึ้นมาก ซึ่งในส่วนของแม็คโครตอนนี้มีอายุ 25 ปี เหมือนลูกที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ปริญญาโท มีการสะสมความรู้ ความสามารถพร้อมที่จะทำงาน และเติบโต” นายธนินท์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะต้องมีการกู้ยืมเงินในตัวเลขที่ค่อนข้างสูงจากสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อมาซื้อกิจการแม็คโครในครั้งนี้ ยืนยันว่าซีพีออลล์จะไม่มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนแน่นอน โดยการกู้ยืมเงินกว่า 188,880 ล้านบาทนี้ กว่า 10% จะมาจากกระแสเงินสดของซีพีออลล์ และที่เหลือเป็นการกู้จาก 5 สถาบันการเงินทั้งไทยและเทศรวม 5 แห่ง เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์, ธนาคารยูบีเอสเอจี เป็นต้น

ทั้งนี้ หากแผนการซื้อกิจการแม็คโครในครั้งนี้ ไม่คุ้มทุนหรือไม่มีโอกาสทางธุรกิจจริง สถาบันการเงินเหล่านี้คงไม่มั่นใจในการปล่อยกู้แน่นอน ทั้งนี้ดีลการซื้อขายแม็คโครจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนส.ค. และหลังจากควบรวมกิจการเข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้ซีพีออลล์มีรายได้รวมกว่า 300,000 ล้านบาท มาจาก ซีพีออลล์ 200,000 ล้านบาท และแม็คโคร 100,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดค้าปลีกค้าส่งไทยมีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท

สำหรับปัญหาร้านค้าปลีกรายย่อย (โชวห่วย) ที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากการซื้อกิจการแม็คโครในครั้งนี้ อยากให้มั่นใจว่าโชวห่วยจะไม่ได้รับกระทบแน่นอน เพราะโชวห่วยถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของแม็คโคร ยิ่งโชวห่วยซื้อสินค้าจากแม็คโครมากขึ้น แม็คโครก็จะเติบโตมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น นโยบายการช่วยเหลือโชวห่วยของค้าส่งอย่างแม็คโครจะยังคงดำเนินต่อไป ส่วนเซเว่นอีเลฟเว่น ก็จะเป็นร้านสะดวกซื้อที่จำหน่ายสินค้าราคาสูงกว่าโชวห่วย จึงเชื่อว่าโชวห่วยจะไม่ได้รับผลกระทบจากการซื้อกิจการในครั้งนี้แต่อย่างใด

นายธนินท์กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยกำลังแข็งค่ามากขึ้น มองเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าเสียเปรียบ โดยเฉพาะภาคการผลิตหรือภาคอุตสาหกรรมควรมองโอกาสในครั้งนี้ มุ่งซื้อเครื่องจักรใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น เพราะเราสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกลง ถึงแม้ว่าภาคการส่งออกอาจจะเสียเปรียบลงบ้างก็ตาม โดยปัจจุบันสัดส่วนบริษัทส่งออกของไทย หากนำมาเปรียบเทียบกับบริษัทนำเข้าถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยกว่า ดังนั้น การที่เงินบาทของไทยแข็งค่าถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่องนี่เอง จึงมองว่าค่าเงินบาทของไทยน่าจะแข็งค่าขึ้นได้อีก

วันเดียวกันนี้ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวในเรื่องนี้ว่า อยากให้มองในแง่ดีว่าเป็นครั้งแรกที่บริษัทของคนไทยเข้าซื้อกิจการค้าส่งรายใหญ่ของต่างชาติได้สำเร็จ ส่วนการซื้อแล้วจะทำให้เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดนั้น มองว่า แม้จะเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด แต่หากไม่ได้มีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับธุรกิจรายย่อย หรือทำการผูกขาดธุรกิจ ก็ไม่ถือว่ามีความผิด

ด้านความเคลื่อนไหว ราคาหุ้นCPALL วานนี้ (24เม.ย) ปิดที่ระดับ 39.00 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 10.34% มูลค่าซื้อขาย 19,368.53 ล้านบาท ขณะที่ MAKRO ปิดที่ 754.00 บาท เพิ่มขึ้น 72.00 บาท หรือ 10.56% มูลค่าซื้อขาย 2,861.98 ล้านบาท โดยที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.สยามแม็คโคร คือ ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ HSBC
กำลังโหลดความคิดเห็น