xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีทุ่ม 1.8 แสนล้านกลืนแม็คโคร กินรวบค้าปลีก พณ.ขู่อย่าเอาเปรียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลสำคัญในการตัดสินใจซื้อธุรกิจครั้งนี้ว่าเพราะเล็งเห็นความแข็งแกร่งของโมเดลการทำงานของแม็คโครที่จะช่วยกระจายสินค้าได้เป็นอย่างดีในตลาดอาเซียน
“ซีพีออลล์” ทุ่ม 188,880 ล้านบาท ฮุบ “แม็คโคร” หวังสร้างฐานค้าปลีกลุยอาเซียนและทั่วโลก ตัดปัญหาเซเว่นฯ รุก ตปท.ลำบากเพราะติดไลเซนส์ แย้มสาขาแรกในอาเซียนที่ลาว-เวียดนาม ย้ำไม่แทรกแซงทีมบริหารเดิม แต่อาจเปลี่ยนบอร์ดบ้าง “พาณิชย์” จับตาซีพีออลล์ซื้อแม็คโคร เผยทำให้เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ระบุเอาเปรียบเมื่อไรเจอดีแน่ 

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เจรจากับทางเอสเอชวีกรุ๊ป (SHV GROUP) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของทางแม็คโคร ประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา เพื่อซื้อกิจการบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือแม็คโคร ด้วยมูลค่ากล่ว 188,880 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นช่องทางนำสินค้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าจากผู้ผลิตรายเล็กและขนาดกลางอย่างเอสเอ็มอี และสินค้าภาคการเกษตรของไทย รวมถึงอาหารแช่แข็งและอาหารสด ไปจำหน่ายยังประเทศในอาเซียน ถือเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 รวมถึงในจีนและประเทศอื่นๆ การซื้อกิจการครั้งนี้สามารถใช้แบรนด์แม็คโครทำตลาดได้ทั่วโลก ยกเว้นอินเดียเพียงประเทศเดียว ส่วนประเทศแรกในอาเซียนที่จะเห็นการลงทุนนั้นคือ ลาว เวียดนาม

“ผมเพิ่งกลับจากฮ่องกงวันนี้ (23 เม.ย.) หลังจากลงนามซื้อหุ้นสยามแม็คโครจากเอสเอชวีที่ประเทศฮ่องกง กว่า 188,880 ล้านบาท วันที่ 23 เม.ย. 56 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นตัวเลขที่ไม่สูงจนเกินไป และเชื่อว่าภายใน 2-3 ปีจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทราว 10% และที่เหลือจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศราว 5 แห่ง เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด, ธนาคารยูบีเอส เอจี เป็นต้น ซึ่งจะกู้ยืมเงินมูลค่าเท่าๆ กัน”

ดีลการซื้อขายครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ส.ค.นี้ และหลังจากควบรวมกิจการเข้าด้วยกันแล้วจะทำให้ซีพีออลล์มีรายได้รวมกว่า 300,000 ล้านบาท มาจากซีพีออลล์ 200,000 ล้านบาท และแม็คโคร 100,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมตลาดค้าปลีกค้าส่งไทยมีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท 

โดยภายในวันที่ 12 มิ.ย.นี้จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นของทางแม็คโครและขอรับการอนุมัติในการดำเนินงานต่อไป ซึ่งทางซีพีออลล์เองจะไม่เข้าก้าวก่ายการทำงานของทีมการทำงานเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงบอร์ดแม็คโครบ้าง แผนการขยายสาขาของแม็คโครในไทยยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการโฟกัสในตลาดต่างประเทศด้วย และยืนยันไม่นำแม็คโครออกจากตลาดหลักทรัพย์ไทยแน่นอน 

นายก่อศักดิ์กล่าวต่อว่า การที่บริษัทฯ ตัดสินใจซื้อกิจการแม็คโครนั้น เนื่องจากมองเห็นความแข็งแกร่งของโมเดลการทำงานของแม็คโครที่จะช่วยกระจายสินค้าได้เป็นอย่างดีในตลาดอาเซียน จะเป็นการนำจุดแข็งทางจากเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีความพร้อมในการฝึกและพัฒนาฝีมือบุคลากร ที่ต่อปีสามารถผลิตบุคคลากรป้อนสู่ตลาดค้าปลีกได้กว่า 5,000 คน จากสถาบันโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ในเครือ บวกกับโมเดลการทำธุรกิจของแม็คโครสู่ตลาดอาเซียนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกับยังเอื้อต่อธุรกิจของซีพีในการเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าแปรรูปต่างๆ ของกลุ่มซีพีได้อีกทางหนึ่งด้วย 

ทั้งนี้ มองว่าจะไม่กระทบต่อโชวห่วยแน่นอน และยังคงมีโครงการช่วยเหลือโชวห่วยต่อไป ขณะที่เซเว่นฯ เองก็เป็นร้านสะดวกซื้อที่จำหน่ายสินค้าราคาสูงกว่าโชวห่วย จึงเชื่อว่าโชวห่วยจะไม่ได้รับผลกระทบจากการซื้อกิจการในครั้งนี้ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ซีพีออลล์เป็นผู้ชักชวนให้แม็คโครเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย และถือหุ้นในอัตราส่วนราวๆ 51% และในปีต่อมาได้เปิดดำเนินการเซเว่นอีเลฟเว่น โดยในเวลาต่อมาได้มีการขายหุ้นแม็คโครคืน โดยมีสัญญาใจจากผู้บริหารระดับสูงไว้ว่า หากแม็คโครต้องการขายหุ้นหรือกิจการให้นึกถึงหรือขายให้กับซีพีออลล์เป็นรายแรก ดังนั้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวว่ามีผู้สนใจซื้อกิจการของแม็คโครมาโดยตลอด แต่สุดท้ายแม็คโครก็ยอมขายกิจการให้กับซีพีออลล์   

ทลายข้อจำกัดเซเว่นฯ รุก ตปท.

นายก่อศักดิ์กล่าวถึงธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ด้วยว่าจะยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง และน่าจะถึง 10,000 สาขาภายใน 5-6 ปีนี้ ซึ่งไลเซนส์ของเซเว่นฯ นั้น บริษัทฯ ได้มาแค่ในประเทศไทยเท่านั้น จึงเป็นข้อจำกัดในการทำตลาดต่างประเทศ ทำให้สนใจซื้อกิจการแม็คโครเพื่อเข้ามาเสริมแกร่งในส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำการขอไลเซนส์ของเซเว่นฯ เพิ่มเติมในประเทศจีนแล้วใน 3-4 มณฑล เช่น ยูนนาน, ซูเจี้ยน และเจ้อเจียง เป็นต้น คาดว่าจะรู้ผลภายในปีหน้า    

CPALL ชงผู้ถือหุ้น 12 มิ.ย.นี้

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (CPALL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีมติเข้าซื้อหุ้น และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) รวมทั้งบริษัท สยามแม็คโครโฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โอเอชที จำกัด ซึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้น MAKRO ทั้งทางตรง และทางอ้อมจำนวน 154,429,500 หุ้น หรือ 64.35% มูลค่าหุ้นละ 787.00 บาท หรือเทียบเท่าหุ้นละ 27.50 เหรียญสหรัฐ โดยเข้าลงนามสัญญาซื้อขายข้างต้นกับ บริษัท เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี. (SHV) เพื่อได้มาซึ่งสิทธิการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา และสิทธิในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งคิดเป็นจำนวนสินทรัพย์ที่จะได้มาประมาณ 121,536 ล้านบาท หรือ 4,247 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์กับผู้ถือหุ้นในส่วนที่เหลืออีก 85.57 ล้านหุ้น ใน ราคา 787.00 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 67,344 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับการซื้อหุ้นในครั้งแรกจะทำให้ CPALL ใช้เงินในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ทั้งสิ้น 1.89 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันได้กำหนดจัดการประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 12 มิ.ย. 2556 เพื่อขออนุมัติเรื่องดังกล่าว

การเข้าซื้อหุ้น MAKRO ครั้งนี้ ได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมั่นคง เพราะเป็นบริษัทที่มีคุณภาพมีกลยุทธ์ และการตลาดที่โดดเด่นชัดเจน มีทีมงานประสบการณ์สูง มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นผ่านการสร้างประโยชน์ร่วมกันของทั้งสององค์กร เพิ่มประสิทธิภาพร่วมกันในการวางแผนกระจายสินค้า เพื่อลดต้นทุนดำเนินงาน อีกทั้งโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและมูลค่าเพิ่มจากอสังหาริมทรัพย์และตราสินค้า Makro เช่นการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอยของอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“ยืนยันว่า CPALL จะไม่เพิ่มทุนจดทะเบียน เนื่องจากการซื้อหุ้นครั้งนี้ขึ้นอยู่บนพื้นฐานที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น แม้ภายหลังการซื้อหุ้น MAKRO เสร็จสิ้น บริษัทฯ จะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ประมาณ 5 เท่าเพราะอัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงตามแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น และขอย้ำว่าราคาในการซื้อหุ้นครั้งนี้ไม่แพง”

“แม็คโคร” คาดดีลแล้วเสร็จสิ้น มิ.ย. 

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-สายงานบริหารการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบริษัท เอสเอชวี โฮลดิ้ง เอ็นวี (SHV) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ว่า SHV ได้ตกลงทำสัญญากับ บมจ.ซีพีออลล์ เพื่อขายหุ้นทั้งหมดของ SHV และบริษัทในเครือของ SHV ที่ถือหุ้นในบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม จำนวน 154,429,500.00 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 64.35 ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคา 787 บาทต่อหุ้นซึ่งเป็นราคาคำเสนอซื้อของบริษัทผู้ซื้อ โดยถือตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินบาท และดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าจะมีการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จประมาณวันที่ 30 มิถุนายน 2556

โบรกเกอร์มองดีลเอื้อต่อยอด

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ยอมรับว่า การที่ราคาหุ้นCPALL ร่วงลงเยอะวานนี้ แต่กลับมีมูลค่าซื้อขายอันดับหนึ่งว่า ราคาหุ้นซีพีออลล์ปรับตัวลงทันทีและมีวอลุ่มหนาแน่น เพราะมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้รับซื้อหุ้นทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้นกังวลใจ เพราะมูลค่ารายการของหุ้นแม็คโคร หากทำรายการจริงตามที่เป็นข่าว มูลค่ารายการจะอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก หากพิจารณาพื้นฐานซีพีออลล์มีกระแสเงินสด 2 หมื่นล้านบาท ไม่พอต่อการทำรายการ จำเป็นต้องระดมทุนครั้งใหญ่ นักลงทุนจึงตื่นเทขายหุ้นออกมา

ทั้งนี้ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โครงสร้างผู้ถือหุ้น สยามแม็คโคร ประกอบด้วย บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) 55.1% ออร์แคม โฮลดิ้ง เอเชีย เอ็น.วี. 9.34% ไทยเอ็นวีดีอาร์ 3.78% และ บีเอ็นพี พาริบาส์ ซิเคียวริตี้ ฯ 3.21%

หวั่นโชวห่วยสะเทือนอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดีลการซื้อขายครั้งนี้น่าจะมีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจในไทย อีกทั้งอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรดาโชวห่วยที่เป็นธุรกิจรากหญ้าของคนไทยก็ได้ที่เป็นแบบเดียวกับเซเว่นฯ เพราะซีพีออลล์จะมีทั้งเซเว่นอีเลฟเว่นที่รุกกลืนโชวห่วยมาตลอด และยังเป็นเจ้าของแม็คโครอีกด้วยที่มีโครงการช่วยเหลือโชวห่วยมาตลอด แต่เมื่อเปลี่ยนมือมาเป็นของซีพีออลล์แล้วต้องจับตาดูต่อไปว่านโยบายนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

พณ.ขู่ “เซเว่นฯ” ผูกขาดเจอดีแน่

นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการสยามแม็คโครว่า จะทำให้ซีพีออลล์เข้าข่ายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก แต่หากไม่มีพฤติกรรมที่ผิด พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ก็ยังคงทำธุรกิจได้ตามปกติ แต่หากมีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และเอาเปรียบธุรกิจรายอื่นก็จะมีความผิดตามกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์ก็จะเข้าไปดูแลเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น โดยธุรกิจที่เห็นว่าถูกเอาเปรียบ สามารถร้องเรียนเข้ามาได้ โดยหากพบว่ามีพฤติกรรมผิดกฎหมายจะมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 6 ล้าน หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทั้งนี้ จากการประเมินในเบื้องต้น ขณะนี้ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ในไทย ซีพีออลล์เจ้าของร้านเซเวนอีเลฟเว่น มียอดขายรวมต่อปี 1.59 แสนล้านบาท เทสโก้ โลตัส 1.48 แสนล้านบาท บิ๊กซี 1.21 แสนล้านบาท และแม็คโคร 9.8 หมื่นล้านบาท 

“เมื่อซีพีออลล์รวมกับแม็คโครมียอดขายรวมกันเพียง 48% กว่าๆ ของยอดขายทั้งหมด แต่หลังจากรวมกันแล้ว ทำให้ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงแค่ 3 ราย คือ ซีพีออลล์บวกแม็คโคร โลตัส และบิ๊กซีที่รวมกับคาร์ฟูร์ ซึ่งทั้ง 3 รายรวมกันมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 75% ก็ต้องถือว่าทุกรายมีอำนาจเหนือตลาด” นางวัชรีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น