- S&P ปรับเพิ่มมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์จาก มีเสถียรภาพ เป็น เชิงบวกและคงอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ BBB+ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของฐานะการคลังและการลดขาดดุลงบประมาณที่อาจเร็วกว่าที่คาด รวมถึงแนวโน้มหนี้สาธารณะที่อาจลดลงจาก 122% ของ GDP ในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 112% ของ GDP ในปี 2016
- เจพี มอร์แกน (ธ.รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ) และ เวลส์ ฟาร์โก (ผู้ปล่อยสินเชื่อบ้านรายใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ) รายงานผลกำไรไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นดีต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกันสำรองหนี้เสีย ทั้งนี้ เจพี มอร์แกน รายงานผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 31% มาอยู่ที่ 6,500 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ และเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันที่ธนาคารมีกำไรเพิ่มขึ้นด้วยตัวเลข 2 หลัก ขณะที่ผลกำไรของเวลส์ ฟาร์โก ก็เพิ่มขึ้น 20% มาอยู่ที่กว่า 5,250 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่พัฒนาขึ้น
- เล่า จื่อเว่ย รมว.คลังจีน ระบุว่า หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตรา 6.5% จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่ต้องกังวลแต่อย่างใด เป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลอาจประสงค์ให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 7.5% ขณะที่ขยายตัวต่ำกว่าระดับ 7.7% ในครึ่งปีแรก
- จีนวางแผนจำกัดจำนวนการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นในเมืองสำคัญๆอีก 8 เมืองเพื่อแก้ปัญหามลภาวะและการจราจร ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในจีนในปีที่ผ่านมาสูงกว่า 13 ล้านคัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก และเกิดปัญหามลภาวะทางอากาศในเมืองใหญ่ๆ
- ธ.เพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ระบุว่า ประเทศเอเชียส่วนใหญ่ล้มเหลวในการใช้จ่ายเงินในโครงการช่วยเหลือคนจน โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ทุ่มเทการลงทุนมากพอในโครงการป้องกันทางสังคมเพื่อช่วยเหลือคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งการประกันสุขภาพ การให้เงินช่วยเหลือและฝึกอบรมทักษะ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายมาตรการป้องกันทางสังคมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียง 2.6% ของ GDP ขณะที่เอเชียตะวันออกใช้จ่ายด้านนี้ 6% ของ GDP
- กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนครีและ รมต.คลัง ระบุว่า มีแนวโน้มจะลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.5-5.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว โดย IMF ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจเหลือร้อยละ 3.1 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 3.2
- รัฐบาลได้กำหนด 6 แนวทางในการดูแลการบริโภคของประชาชน ดังนี้
1. ดูแลต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง ปุ๋ยเคมี เพื่อคุมต้นทุนการผลิตและทำให้ราคาปลายทางปรับลดลง
2. จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าตามแหล่งการผลิตและกระจายไปยังตลาดบริโภค เพื่อบริหารจัดการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพ
3. จัดโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกสินค้าเกษตรให้เหมาะสมกับแต่ละจังหวัด
4. ป้องกันการผูกขาดสินค้าสำหรับวัตถุดิบหลักและป้องกันปัญหากำหนดราคาสูงเนื่องจากมีผู้จำหน่ายน้อยราย
5. ลดผลกระทบจากการเพิ่มราคา LPG ด้วยการช่วยเหลือผู้ที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วย/เดือน และส่งเสริมให้ประชาชนใช้ก๊าซ NGV โดยขยายสถานีบริการน้ำมันให้มีจำนวนมากขึ้น
6. มอบหมายให้หน่วยงานรัฐติดตามเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ดูแลการบริโภคไม่ให้ชะลอตัว
- ธปท. ชี้ว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยและอินโดนีเซียต่างกัน จึงยังไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเหมือนอินโดนีเซียที่ขึ้นไป 0.50% เป็น 6.50% เพราะกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจจะเพิ่มขึ้น จากแผนลดการอุดหนุนราคาพลังงานลง กับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมากที่ทำให้เงินทุนไหลออก
- ธปท. รายงานว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ 1,688 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก ธปท.ต้องเพิ่มสภาพคล่องเงินดอลลาร์ในตลาดเงินจากที่ก่อนหน้านี้ที่เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกเร็วเพราะ FED ส่งสัญญาณเลิกทำ QE จึงทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออก ตลาดการเงินไทยจึงมีสภาพคล่องเงินเหรียญสหรัฐลดลง
- สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย คาดว่า ตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังจะชะลอลงจากครึ่งปีแรกมากเพราะแรงกระตุ้นจากการส่งมอบรถยนต์คันแรกเสร็จสิ้นแล้ว และเศรษฐกิจไทยโดยรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ประกอบกับภาระหนี้สินในภาคครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้นจนมีผลต่ออำนาจใช้จ่ายและทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ จนอาจส่งผลต่อความเสี่ยงเรื่องการชำระหนี้กับคุณภาพของลูกหนี้ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า เมียนมาร์เป็นหนึ่งในประเทศที่น่าสนใจลงทุนหลังจากเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นแหล่งทรัพยากร มีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน มีแรงงานจำนวนไม่น้อยที่เคยมาทำงานในไทยซึ่งได้นำความรู้และประสบการณ์กลับไปประกอบกิจการเพื่อพัฒนาประเทศ และรัฐบาลยังมีมาตรการส่งเสริมกับดึงดูดนักลงทุนต่างชาติโดยกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษและให้สิทธิประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ ทำให้นักลงทุนไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์เพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการลงทุนในเมียนมาร์ที่มีศักยภาพและมีการสร้างกลุ่มเครือข่ายเชื่อมโยงต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้แก่ เกษตร เกษตรแปรรูป สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและเครื่องหนัง เป็นต้น
- SET Index ปิดที่ 1,453.71 จุด เพิ่มขึ้น 6.67 จุด หรือ +0.46% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45,005 ล้านบาท โดยดัชนีในวันศุกร์แกว่งตัวผันผวนสลับทั้งแดนบวกและลบหลัง FED ระบุว่าจะชะลอการผ่อนคลาย QE ออกไป ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลและมีเงินบางส่วนกลับเข้ามาในตลาดหุ้น สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยงวดไตรมาส 2 โดยเฉพาะกลุ่มภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีน
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.01%สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูล
- George Soros
“ผู้ลงทุนมีเงินทุนกับความชาญฉลาดที่จำกัด พวกเขาจึงไม่ต้องไปรู้มันทุกเรื่อง เพราะตราบใดที่เขารู้บางอย่างดีกว่าคนอื่นๆ เขาก็มีข้อได้เปรียบที่แหลมคมพอแล้ว”
- 4 R ที่ผู้ลงทุนจะต้องมี
- Right attitude (บางทีตลาดหุ้นสร้างความสับสนหรือแตกตื่นจนเรา panic buy / sell ได้หากเราไม่เข้าใจจะทำให้เราไม่มั่นใจและล้มเหลวในการลงทุน)
- Right tool (ต้องมีเครื่องมือกับแนวทางที่เหมาะสมในการควบคุมความเสี่ยง-- risk control)
- Right stock (ดู quality, sustainable earnings growth + reasonable dividend yield)
- Right balance (well diversified port)
- ในการลงทุนให้ประสบผลสำเร็จ เราต้องรู้จักตัวเรา ประเมินความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เข้าใจธรรมชาติของตลาด และมั่นใจกับการลงทุนระยะยาวในกิจการที่เราเลือก อย่าไปหวั่นไหวกับตลาด เพราะราคาหุ้นบนกระดานในระยะสั้นมันเป็นหนังคนละม้วนกับกำไรที่แท้จริงของกิจการ