2 บลจ.ตบเท้าเข็นกองทุนทริกเกอร์ฟันด์รับดีมานด์หลังตลาดหุ้นผันผวน เผยครึ่งปีหลังแนะนักลงทุนลงกองทุนอสังหาฯ และตราสารหนี้ระยะกลาง กำไรของบริษัทจดทะเบียนโตต่อเนื่อง 10-20%
นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังตลาดหุ้นทั่วไทยและเอเชียที่ปรับลงมาค่อนข้างมากในรอบนี้เกิดจากแรงขายอย่างตื่นตระหนกของนักลงทุนต่างชาติ บนความกังวลว่าธนาคารกลางอเมริกา และญี่ปุ่นจะชะลอการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นช่วงนี้เปรียบคล้ายกับนักกีฬาที่ติดสารกระตุ้น คือเม็ดเงินอัดฉีดจากอเมริกา และญี่ปุ่น แค่คิดว่าสารกระตุ้นจะหมดตลาดก็ปรับลงแรง ตามมาด้วยอาการ panic sell ซึ่ง ณ จุดนี้ถือว่าการปรับฐานเกิดขึ้นไปมากแล้ว เมื่อประเมินสถานการณ์ดูพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยภายนอกคือเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลออกแรงในระยะสั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นในบ้านเราเช่นในปี 2554 ที่ตลาดเคยกังวลเรื่องปัญหาของกรีซ หลังจากตลาดคลายกังวลดัชนีก็ปรับฟื้นตัว เมื่อมองดูพื้นฐานเศรษฐกิจ และแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ ของไทยยังมีการเติบโตที่ดี ดังนั้นตอนนี้จึงเหมาะสำหรับการทยอยเข้าลงทุนในหุ้นไทย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย, กองทุนอสังหาฯ และตราสารหนี้ระยะกลาง กำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะทำจุดสูงสุดต่อเนื่องโดยเติบโตได้ 10-20% ใน 1-2 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะทำ new high ได้เช่นกัน อเมริกาน่าจะยังคงมาตรการ QE ต่อเนื่องแม้อาจลดขนาดของเม็ดเงินกระตุ้นลงบ้าง ขณะที่ญี่ปุ่นก็น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเช่นเดียวกัน ทำให้การลงทุนในหลักทรัพย์ที่ปันผลสูงอย่างกองทุนอสังหาฯ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานยังคงน่าสนใจ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงมีแนวโน้มทรงตัว ยังไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางดูจะมีความน่าสนใจมากกว่าพวกกองทุน money market หรือกองทุนแบบมีอายุ 6-12 เดือน ทั้งหมดเป็น 3 กลุ่มสินทรัพย์หลักที่น่าสนใจลงทุน
นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการขาย บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า บริษัทจัดการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล 4+4 เปอร์เซ็นต์ ทริกเกอร์ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายในตราสารทุนในประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมต่อสภาวการณ์ในแต่ละขณะเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน และคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเป็นสำคัญ
“กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี มีอัตราเติบโตสูงแล้ว บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนอัตโนมัติผลตอบแทนกองทุนในอัตราร้อยละ 4 จำนวน 2 ครั้งตามเงื่อนไขกองทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดผันผวน บริษัทจัดการเชื่อว่าระยะเวลา 8 เดือนถึง 1 ปีต่อจากนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดี กำไรของบริษัทจดทะเบียนหลายๆ กลุ่มจะประกาศออกมาดีอย่างต่อเนื่อง นโยบายภาครัฐและคลังรวมถึงค่าเงินบาทในปัจจุบันส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงบวกต่อไป บริษัทจัดการยังคงมีเป้าหมายดัชนีที่ 1,700 หรือ P/E ที่ 15 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2557 สำหรับคาดการณ์ผลตอบแทนของกองทุนนี้เชื่อว่าเหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุน และอยู่ในระดับเดียวกันถึงสูงกว่าหลายๆ กองทุนประเภททริกเกอร์ของอื่นๆ ที่ออกมาในช่วงนี้” นายเจิดพันธุ์กล่าว
ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในจังหวะเวลาที่เหมาะสม บลจ.ทิสโก้จึงเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% # 9 ซึ่งเป็นกองทาร์เกตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 8% มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนไม่มีกำหนดอายุโครงการ โดยจะเลิกโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก 14-18 มิ.ย. 2556
“การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในช่วงนี้มีการปรับฐานลงมาค่อนข้างแรง แต่ถือเป็นเหตุการณ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดย บลจ.ทิสโก้มองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยในครั้งนี้เป็นโอกาสในการเข้าลงทุน เพราะโดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ปัจจัยพื้นฐานในประเทศยังเป็นไปในทิศทางที่ดี และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยบวกที่คอยสนับสนุนให้สามารถเติบโตได้ และเราเชื่อว่าจากความสามารถในการคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยใช้ทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นที่มีประสบการณ์ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”