บลจ.ทิสโก้มองเศรษฐกิจโลกยังคงมีการเติบโต นำโดยเอเชีย ส่วนสหรัฐฯ การบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้นจากตัวเลขจ้างงานและการซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้น ส่วนยุโรปยังอ่อนแอ ขณะที่เงินบาทแข็งค่า สบจังหวะออกกองลุยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่าสุดเปิดขายกองทุนเปิดทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ทริกเกอร์8% ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน
นายกำพล ดิเรกสมบัติ หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งการจ้างงาน และการซื้อบ้านเพิ่มขึ้นสะท้อนถึงการใช้จ่ายบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตที่ระดับ 2% และที่ระดับ 3% ในปีหน้า ขณะที่ความเสี่ยงคือความกังวลในเรื่องของการใช้มาตรการ QE ลงในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่อย่างไรก็ตามไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในระบบ และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อไป
ขณะที่ยุโรปยังคงประสบปัญหาทั้งในเรื่องการจ้างงานที่ต่ำ ปัญหาหนี้สาธารณะที่ยังสูง ส่วนเศรษฐกิจเอเชียยังมีการขยายตัวที่ดี แม้ว่าจีนจะมีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงบ้างในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากการป้องปรามการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่จะเป็นปัญหาในช่วงสั้นๆ ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจยังดูดี และนโยบายด้านเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนประเทศญี่ปุ่นตอนนี้เริ่มใช้นโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อแก้ปัญหาเงินฝืด
สำหรับเศรษฐกิจไทย ทางทิสโก้มองว่าในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 4.7% และ 5% ในปีหน้า แต่เศรษฐกิจเริ่มมีความกังวลมากขึ้นในเรื่องของหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากการที่อัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้การขยายตัวของเงินฝากอยู่ในระดับไม่สอดคล้องกับการขยายตัวของเงินกู้ ขณะเดียวกันมองว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่ในระดับ 29 บาทนั้น ทำให้เชื่อว่าทางแบงก์ชาติน่าจะเข้ามาจัดการในเรื่องนี้โดยใช้การแทรกแซงเพื่อลดความผันผวน โดยทางทิสโก้มองว่าค่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 28.5-29 บาทในปีนี้
นางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ กล่าวถึงการลงทุนว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด โดยที่ระดับ P/E เฉลี่ยทั้งภูมิภาคยังถือว่าไม่แพงมาก ขณะที่ภาคการเมืองในประเทศนิ่ง บริษัทจดทะเบียนสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 20% ในปีนี้ จากปัจจัยสนับสนุนในเรื่องการลงทุนของภาครัฐในปัจจุบัน
ดังนั้น สถานการณ์ของการลงทุนในตอนนี้ เงินบาทที่แข็งค่าทำให้การไปลงทุนในต่างประเทศตอนนี้จะได้รับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่งทางทิสโก้มองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นการลงทุนที่น่าสนใจเนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจที่มีการเติบโตขึ้น ตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาดี และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ จึงมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ระดับราคาหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต นอกจากนี้ยังมองเป้าหมายราคาทองคำที่ระดับ 1,700 เหรียญในปีนี้ แม้ว่าทองคำจะมีแรงขายออกมามากแต่ก็มีแรงซื้อมากเช่นกัน ดังนั้นในระยะยาวแล้วราคาทองคำยังให้ผลตอบแทนที่ดีได้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม บลจ.ทิสโก้จึงเสนอขาย กองทุนเปิดทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ทริกเกอร์8% # 1 (TISCO US Equity Trigger 8% Fund 1) เน้นลงทุนในสหรัฐฯ ผ่านกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนในตลาดฯ นิวยอร์กเพื่อสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500 โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทหรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการหากสร้างผลตอบแทนถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาทต่อหน่วย มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียว 22-30 เม.ย. 2556 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท