xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 12/07/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



  • เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวว่า นโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างมากนั้นยังจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากอัตราว่างงานยังอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมาย และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็อ่อนแรงลงเนื่องจากรัฐบาลกลางขึ้นภาษีและลดงบรายจ่ายของรัฐลง

  • ก.แรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ราคาสินค้านำเข้ามายังสหรัฐในเดือน มิ.ย.ลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ลดลงมา 4 เดือนต่อเนื่อง หลังจากที่ลดลง 0.7% ในเดือน พ.ค. แต่ถ้าเทียบกับเดือน มิ.ย.ปีก่อนก็เพิ่มขึ้น 0.2% ทั้งนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอในยุโรปและเอเชีย แต่ราคาสินค้านำเข้าที่ลดลงอาจจะกระตุ้นการบริโภคในสหรัฐกับทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ

  • ก.แรงงานสหรัฐ รายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 16,000 รายไปอยู่ที่ 360,000 ราย เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่เป็น 351,750 ราย และยังทรงตัวอยู่ในบริเวณ 330,000-360,000 รายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แสดงว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติสเปน (INE) รายงานว่า ยอดธุรกิจก่อตั้งใหม่ในสเปนเพิ่มขึ้น 10.1% ในเดือน พ.ค.เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกันเมื่อเทียบเป็นรายปีหลังจากที่เพิ่มขึ้น 30.5% ในเดือน เม.ย. โดย 22% ของธุรกิจที่ก่อตั้งใหม่ในเดือน พ.ค.เป็นธุรกิจในภาคการค้าและ 19.4% เป็นธุรกิจในภาคก่อสร้าง

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงิน และได้ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับเพิ่ม 7 เดือนติดต่อกัน โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัวปานกลาง และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ BOJ ใช้คำว่า "ฟื้นตัว" เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง ซึ่งต่างจากการประชุมครั้งก่อนที่ใช้คำว่า เศรษฐกิจ "กระเตื้องขึ้น" เท่านั้น จึงเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม BOJ ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 56 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.ปีหน้าลงเล็กน้อยว่าจะขยายตัว 2.8% จากเดิมที่คาดไว้เมื่อเดือน เม.ย.ว่าจะขยายตัว 2.9%

  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% เป็นเดือนที่ 2 และเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นเป็น 2.8% จากเดิมที่คาดไว้ 2.6% และคาดว่าปีหน้าจะขยายตัว 4% อันเป็นผลของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการกระตุ้นการคลังในช่วงก่อนหน้า โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคจะอยู่ที่ 1.7% ในปีนี้และ 2.9% ในปีหน้า อย่างไรก็ตามแนวโน้มในการยกเลิกมาตรการ QE ก่อนกำหนดของ FED กับเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัว จะเป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้

  • ธนาคารกลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายข้ามคืนไว้ที่ 3% โดยระบุว่า นโยบายการเงินในปัจจุบันยังเหมาะสมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อ

  • ธนาคารกลางอินโดนีเซียเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 0.50% เป็น 6.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจาก 4.25% เป็น 4.75% เพื่อช่วยหนุนสกุลเงินรูเปียที่กำลังอ่อนแอและบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยเห็นว่าราคาสินค้าและบริการต่างๆ จะพุ่งขึ้นสูงสุดในเดือน ก.ค. จากปัจจัยตามฤดูกาล ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน

  • ก.พาณิชย์ จะหามาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศแทนพึ่งพาการส่งออก ด้วยการเพิ่มความถี่ในการจัดมหกรรมธงฟ้าราคาประหยัดทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้า รวมถึงเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณและการลงทุนโครงการใหญ่ๆ โดยระบุว่า กำลังซื้อที่ไม่ดีในช่วงนี้น่าจะทำให้ราคาสินค้าไม่ปรับขึ้น และอาจทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคทั้งปีขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2.8-3.4%

  • ธปท. ระบุว่า ภาวะการใช้จ่ายในประเทศที่ชะลอตัวลงน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเห็นว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อทำให้คนก่อหนี้เพิ่มโดยคาดว่า การอุปโภคบริโภคภายในประเทศจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง




  • SET Index ปิดที่ 1,447.04 จุด เพิ่มขึ้น 58.63 จุด หรือ +4.22% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 55,125 ล้านบาท โดยดัชนีปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจาก เบน เบอร์นันเก้ ประธาน FED กล่าวว่าการใช้มาตรการผ่อนคลางทางการเงินในระดับสูงยังมีความจำเป็นต่อไปในอนาคต ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทุกแห่งในภูมิภาคเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนจากการรีบาวด์หลังจากที่ลดลงมากกว่าที่อื่นใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นขนาดใหญ่ทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวขึ้นมามากหลังจากถูกแรงเทขายต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์

  • ดร.สมจินต์ ศรไพศาล นายกสมาคม บลจ. คาดว่า อุตสาหกรรมกองทุนรวมปีนี้จะเติบโต 2 หลัก โดยในครึ่งปีแรกเติบโตแล้ว 6.3% ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมทั้งระบบมาอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิ.ย. โดยอุตสาหกรรมกองทุนในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้น LTF และ RMF ช่วงปลายปี และตราสารหนี้ระยะยาวที่อัตราผลตอบแทนพิ่มขึ้นจะดึงดูดเงินเข้ามาในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้น




  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงในทุกช่วงอายุ โดยเปลี่ยนแปลงระหว่าง -0.04% ถึง 0.00% เป็นการลดลง 3 วันต่อเนื่อง  และวันนี้จะมีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 14 วัน 30,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น