- สื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐหลายแห่งรวมถึง Bloombreg, Chicago Tribune ชี้ตรงกันว่า ท่าทีของ Ben Bernanke ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ยืนยันความเป็นไปได้มากขึ้นที่ FED จะยุติ QE รวมถึงโครงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนกำหนดเดิมนั้น เป็นผลมาจากการที่ บารัก โอบามา ส่งสัญญาณเมื่อ 17 มิถุนายนนี้ว่า ตำแหน่งประธาน FED ของ Ben Bernanke ใกล้หมดวาระแล้ว ด้วยการกล่าวว่า “ประธาน FED อยู่ในตำแหน่งนานเกินกว่าที่ Ben Bernanke ต้องการหรือควรจะเป็น” จึงส่งผลให้ Ben Bernanke กล้าออกแถลง การณ์กำหนดยุติ QE
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของประธานาธิบดี โอบามา ถือเป็นการส่งสัญญาณให้สหรัฐเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงิน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังชี้ว่า FED น่าจะยังใช้มาตรการกระตุ้นในปัจจุบันต่อไปอีกระยะ จนกว่าจะมีหลักฐานสนับสนุนให้ยุติการใช้ QE หรือจนกว่าประธาน FED จะออกมาประกาศยุติอย่างแท้จริงอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐต้องดีขึ้นตามที่ FED คาดการณ์
- ดัชนีคอมโพสิตผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นของยูโรโซน ซึ่งมีสัดส่วน 85% ของดัชนีขั้นสุดท้ายและใช้ชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือ ดีดตัวสู่ 48.9 ในเดือน มิ.ย. จาก 47.7 ในเดือน พ.ค. บ่งชี้ว่า ภาวะตกต่ำในภาคธุรกิจต่างๆ ของยูโรโซนได้ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม ยอดสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
- Markit เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของฝรั่งเศสอยู่ที่ 48.3 ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 46.4 ในเดือนก่อน และ ดัชนี PMI ภาคบริการอยู่ที่ 46.5 เพิ่มขึ้นจาก 44.3 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของฝรั่งเศส หลังจากที่ประสบกับภาวะถดถอยในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นต้นของเยอรมนี(ประเมินการขยายตัวของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ) อยู่ที่ 50.9 ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.2 ในเดือน พ.ค. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเอยรมนีทรงตัวในไตรมาส 2 หรือขยายตัวอย่างมาก เพียง 0.1%
- ก.แรงงาน สหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานขั้นต้นในรอบสัปดาห์ ณ 15 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 18,000 ราย สู่ 354,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็น 340,000 ราย โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2,500 ราย สู่ 348,250 ราย
- ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจญี่ปุ่นเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 8 จุด พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นมา สอดคล้องกับการสำรวจรายไตรมาสของธนาคารกลางญี่ปุ่น และเป็นเดือนที่สองที่ดัชนีเป็นบวก แสดงว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ
- มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า หนี้สินรัฐบาลท้องถิ่นจะเป็นความเสี่ยงที่สำคัญประการหนึ่งสำหรับธนาคารพาณิชย์จีน โดยหน่วยงานระดมทุนของรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งมีกระแสเงินสดที่ชะงักงันหรือลดลง ขณะที่ระดับหนี้สินกลับเพิ่มขึ้น
- หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตี้ เจอร์นัล รายงานว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจีนจะไม่ผ่อนคลายนโยบายเงินตราในขณะนี้ และจีนมีความต้องการออกพันธบัตรเพื่อกระตุ้นตลาดพันธบัตร โดยการปรับนโยบายเงินตราให้เหมาะสมนั้นมีความเป็นไปได้ในระยะสั้น แต่การกระตุ้นอย่างเข้มข้นผ่านนโยบายระดับภาคมีแนวโน้มว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
- รมช.คลัง เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า การยุติมาตรการของสหรัฐจะไม่ถึงขั้นทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะตื่นตระหนก เพราะประธาน FED เพียงแค่อธิบายลำดับขั้นตอนในการยุติการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยตลาดการเงินจะมีปฏิกิริยามากเกินไปในระยะแรกๆ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ตลาดจะให้ความสนใจกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
- เกาหลีใต้ ตกลงปล่อยเงินกู้จากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ให้พม่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2560 โดยเกาหลีใต้เป็นผู้ลงทุนใหญ่เป็นอันดับ 4 ในพม่า ซึ่งลงทุนทั้งหมด 2.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 77 โครงการ
- ธปท. ระบุว่า มีโอกาสที่เงินทุนจะไหลออกจากไทยอีก เนื่องจากมีแนวโน้มที่นักลงทุนต่างชาติจะลดการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ และจะปล่อยให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด แต่พร้อมที่จะเข้าดูแล หากมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงเกินไป
- SET Index ปิดที่ 1,402.19 จุด ลดลง 35.51 จุด หรือ -2.47% ส่งผลให้ดัชนีทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบปี ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70,113.46 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแผนจะถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นในเกือบทุกช่วงอายุ โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงระหว่าง0.01% ถึง 0.17% โดยตราสารรุ่นอายุ 5-10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ประมาณ 0.13% ถึง 0.17% ภายหลังประธาน FED ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการลดขนาด QE3 ในช่วงปลายปี 2556
- Warren Buffett “ถ้าทนเห็นพอร์ตหรือราคาหุ้นลดลงไปถึง 50% ไม่ได้ ก็ไม่ควรอยู่ในเกมของการลงทุน”
