- ฮาลิแฟ็กซ์ ธนาคารของลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป เปิดเผยว่า ราคาบ้านของอังกฤษในช่วงไตรมาสสิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. ปรับตัวขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งขยับขึ้นเหนือระดับ 1-2% ของช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พร้อมระบุว่า ราคาบ้านในไตรมาสดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2553 ที่ราคาบ้านพุ่งขึ้นถึง 4.6%
- องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เปิดเผยว่า GDP ที่แท้จริงของประเทศสมาชิกในกลุ่ม ปรับตัวขึ้น 0.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เมื่อเทียบกับการขยายตัวที่ทรงตัวในไตรมาสก่อนโดยการบริโภคภาคเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนการขยายตัวของGDP โดยมีส่วนให้ GDP ในภาพรวมขยายตัว 0.3% ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ขณะเดียวกันการส่งออกสุทธิและการเพิ่มสต็อกต่างก็ช่วยให้ GDP ขยายตัว
- สมาพันธ์ธนาคารออมทรัพย์แห่งสเปนคาดว่า เศรษฐกิจสเปนจะขยายตัว 0.7% ในปี 2557 หลังจากที่หดตัวลง 1.5% ในปี 2556 ทั้งนี้ ทางสมาพันธ์ได้ปรับทบทวนการคาดการณ์อัตราขยายตัวสำหรับปีหน้าเพิ่มขึ้น 0.1% จากการประเมินครั้งก่อน
- ก.เศรษฐกิจเยอรมนีเผยยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานของเยอรมนีในเดือน พ.ค. อ่อนตัวลง 1.3% จากเดือน เม.ย. ที่ 2.2% นับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เยอรมนียังคงประสบปัญหาในการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยยอดสั่งซื้อที่ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ยังสวนทางกับนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้คาดการณ์ไว้ว่า จะขยายตัวขึ้น 1.2%
- นายกรัฐมนตรีเปโดร ปาสซอส โคเอลโญของโปรตุเกสเผยมีแนวทางที่จะช่วยประคับประคองรัฐบาลผสมเอาไว้ได้ หลังจากการลาออกของนายเปาโล พอร์ตาส รมว.ต่างประเทศและนายวิเตอร์ กาสปาร์ รมว.คลังเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน โดยนายปาสซอส โคเอลโญกล่าวว่าการลาออกของนายพาร์ตาสเป็นเพียงการตัดสินใจส่วนตัว และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ตามปกติของรัฐบาลผสม
- รัฐบาลกรีซแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเงินกู้งวดใหม่จำนวน 8.1 พันล้านยูโรกับทรอยก้าได้ภายในวันจันทร์นี้ โดยประเด็นหลักที่ยังติดค้างอยู่คือความคืบหน้าเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากในภาครัฐเพื่อลดขนาดและยกเครื่องข้าราชการพลเรือน ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายได้ภายในวันจันทร์นี้ กรีซอาจจะได้รับเงินช่วยเหลือล่าช้าออกไปอย่างน้อย 2 เดือน และอาจส่งผลให้รัฐบาลกรีซจำเป็นต้องเปิดประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 2 เดือนเพิ่มเติมพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
- ก.แรงงานสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวในระดับเดิมที่ 7.6% โดยการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จุดกระแสให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับปัจจัยหนุนให้ขยายตัวได้ดีขึ้น แม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มภาษีเงินเดือนและหน่วยงานรัฐบาลเริ่มปรับลดการใช้จ่าย
- นายอาเหม็ด อัล มิสลีมานี ที่ปรึกษาด้านสื่อของประธานาธิบดีอียิปต์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งนายเอลบาราดีหรือผู้ใดให้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อย่างเป็นทางการ และกล่าวต่อไปว่า ยังมีการหารือกันอยู่ในเรื่องการเสนอชื่อผู้ที่จะมาทำหน้าที่นายกฯรักษาการ โดยรัฐบาลชุดรักษาการจะต้องเป็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารจัดการวิกฤตในช่วงเวลาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
- ก.คลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ลดลง 1.153 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 1.239 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากการร่วงลงของราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและราคาทองที่รัฐบาลญี่ปุ่นถือครองอยู่
- ผลสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยว่า ประชากรมองว่าราคาสินค้าและบริการในประเทศจะเพิ่มขึ้นภายใน 1 ปีนับจากนี้ มีจำนวนถึง 80.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2551 โดยผลสำรวจล่าสุดนี้นับเป็นสัญญาณว่า ความพยายามของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจที่จะผลักดันให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดนั้นอาจประสบผลสำเร็จ
- สำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือน พ.ค. โดยดัชนีพ้องเศรษฐกิจซึ่งประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นแตะ 105.9 จากระดับ 105.1 ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบกับระดับฐานของปี 2553 ที่ 100 ส่วนสำหรับดัชนีนำเศรษฐกิจ ปรับขึ้นที่ 110.5 จาก 107.7 ในเดือนก่อนหน้า
- ศูนย์วิจัยการพัฒนาของคณะรัฐมนตรีจีนได้เรียกประชุมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการที่ยั่งยืนในการกำกับดูแลตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ โดยนโยบายซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาจะแตกต่างไปจากนโยบายที่ไม่รัดกุมก่อนหน้านี้ โดยจะให้ความสำคัญกับผลในระยะยาว โดยอ้างอิงข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการ
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจีนออกมาเตือนให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความเสี่ยงจากยอดหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการการลงทุน โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลกลางอาจจะถูกกดดันให้ช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งเพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน
- คณะรัฐมนตรีจีนได้ออกมาย้ำว่า จีนจะยังคงดำเนินนโยบายเงินตราอย่างรอบคอบ เพื่อส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยคลายแรงกดดันของธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่เกิดความวิตกกังวลเรื่องการผ่อนคลายนโยบาย ในช่วงที่เกิดภาวะสภาพคล่องตึงตัวในตลาดอินเตอร์แบงก์เช่นนี้ โดยรัฐบาลจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายเชิงปริมาณและราคา เพื่ออัดเงินเข้าระบบและทำให้มั่นใจว่าจะมีการใช้เงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เห็นชอบที่จะเปิดนิคมแกซอง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกซองของเกาหลีเหนืออีกครั้ง และจะจัดการเจรจาร่วมกันในวันที่ 10 ก.ค.ที่นิคม เพื่อหารือเรื่องการดำเนินการเพื่อให้นิคมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่น การป้องกันไม่ให้เกิดการปิดนิคมโดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 ฝ่ายอีก
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2556 เหลือเติบโต 4.0% หรือกรอบคาดการณ์ 3.8-4.3% จากเดิมที่คาดไว้ 4.8% หรือกรอบคาดการณ์ที่ 4.3-5.3% เนื่องจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก จากการชะลอตัวของการใช้จ่ายในภาคประชาชนจากหนี้ครัวเรือนที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางความเสี่ยงจากรายได้และเงินออมที่เพิ่มช้ากว่าภาระหนี้ ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงความไม่แน่นอนการส่งออกหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง
- SET Index ปิดที่ 1,441.33 จุด เพิ่มขึ้น 10.45 จุด หรือ 0.73% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,828.62 ล้านบาท วันนี้รีบาวด์มาในแดนบวกตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย หลังจากปรับตัวลงติดต่อกันในช่วง 2 วันที่ผ่านมา รับผลบวกเชิงจิตวิทยาจากการที่ธนาคารกลางยุโรปตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป โดนกลุ่มที่หนุนตลาดขึ้นคือกลุ่มธนาคาร พลังงาน และ อสังหาริมทรัพย์ โดยเพิ่มขึ้น 1.2% 1.6% และ 0.8% ตามลำดับ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.01% มูลค่าการซื้อขายรวม 88,504 ล้านบาท
- บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ ING Bank N.V. (ING Bank) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีจำนวน 5.74 พันล้านบาท และ จำนวน 4.26 พันล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี 2557 และ 2559 ตามลำดับ