- ธ.กลางยุโรป มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบัน หรือระดับต่ำกว่านี้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการขึ้นดอกเบี้ย และเปิดทางสำหรับการลดดอกเบี้ยลงอีกในอนาคตอันใกล้
- รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้น 4 พันล้านยูโร ในการประมูลขายพันธบัตรระยะกลาง ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ในช่วง 3-4 พันล้านยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทนสูงกว่าการประมูลครั้งก่อน ส่วนความต้องการซื้อลดลง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ปัญหาวุ่นวายทางการเมืองในประเทศโปรตุเกสอาจจุดให้วิกฤตหนี้ในภูมิภาคปะทุขึ้นอีกครั้ง
- ธ.กลางอังกฤษ ภายใต้การนำของผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคนใหม่อย่างนายมาร์ค คาร์นีย์ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ภายหลังจากที่ได้อัดฉีดเงินเข้าระบบไปแล้วถึง 3.75 แสนล้านปอนด์มาตั้งแต่ปี 2552
- ก.พาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า ยอดส่งออกในเดือน พ.ค. อยู่ที่ 187,100 ล้านดอลลาร์ หดตัวลง 0.3% จากเดือนก่อน ส่วนยอดนำเข้าอยู่ที่ 232,100 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 2% จากเดือนก่อน ส่งผลให้ยอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 12% จาก 40,100 ล้านดอลลาร์ในเดือน เม.ย. โดยนับเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2555 เป็นต้นมา
- ธ.กลางสหรัฐ อนุมัติข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับจำนวนเงินทุนสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ควรถือครองไว้เพื่อรองรับกับการขาดทุนที่ไม่คาดคิด ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อป้องกันระบบการเงินให้รอดพ้นจากความเสี่ยงต่างๆ โดยจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงบางประการในกฎหมายปฏิรูปด้านการเงินฉบับปี 2553 และจะสอดคล้องตามเกณฑ์บาเซิล 3
- นายอัดลี มานซูร์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญสูงสุดของอียิปต์ ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำรักษาการของประเทศ หลังจากที่กองทัพอียิปต์ได้เข้ายึดอำนาจและขับประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ออกจากตำแหน่ง
- ธ.กลางญี่ปุ่น ระบุว่า จะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณและคุณภาพต่อไป เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และได้ปรับเพิ่มมุมมองในการประเมินภาวะเศรษฐกิจระดับภูมิภาคใน 8 เขต จาก 9 เขต เมื่อเทียบกับ 3 เดือนก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า นโยบายกระตุ้นเงินเฟ้อของรัฐบาลกำลังส่งผลบวกอย่างกว้างขวาง โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของความเชื่อมั่นในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ รวมทั้งอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นด้วย
- หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล พบว่า ตลาดได้หันกลับมาให้ความสำคัญกับความเสี่ยงของภาวะขาลงของการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะสั้น หลังจากความหวังในเรื่องการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องได้รับบทพิสูจน์แล้วว่ายังไม่มีวี่แวว โดยผลการสำรวจความคิดเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ 10 รายบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนได้เคลื่อนตัวจากภาวะปกติเข้าสู่ภาวะที่ค่อนข้างจะซบเซา ซึ่งตอกย้ำถึงอัตราการขยายตัวที่อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ดีดตัวขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว
- ผลสำรวจ CEO Survey Economic Outlook พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ 57% เห็นว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของไทย (GDP) ในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 4.5% ขณะที่ผู้ที่ถูกสำรวจ 1 ใน 4 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.5-5.0% ซึ่งต่ำกว่าผลสำรวจเมื่อครั้งที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะสูงกว่า 4.5%
- นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ถือเป็นเงินแผ่นดิน และการกู้ในลักษณะนี้เคยทำมาแล้วหลายรัฐบาล โดยการกู้เงินตาม พ.ร.บ.นี้ จะสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา และรัฐบาลจะเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ
- ม.หอการค้าไทย ระบุว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของไทยอยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัญหากำลังซื้อและการบริโภคในประเทศที่ซึมตัวลงนั้น รัฐบาลควรใช้มาตรการด้านการคลังเข้ามาเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้เพิ่มขึ้น
- SET Index ปิดที่ 1,430.88 จุด ลดลง -12.69 จุด หรือ -0.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,212.08 ล้านบาท ปรับตัวสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่คณะกรรมการปฏิรูปกฏหมายออกมาชี้ว่าร่าง พ.ร.บ.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทอาจขัดกับรัฐธรรมนูญ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นในเกือบทุกช่วงอายุ โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงระหว่าง0.01% ถึง 0.05%