“อัมมาร” ชี้นโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดทำลายอนาคตส่งออกข้าวไทย ยอมรับ 2 ปีที่่ผ่านมาไทยระบายข้าวไม่ได้เพราะข้าวไทยเสื่อมคุณภาพ แนะทางออกรัฐต้องแกล้งลืมสต๊อก 17 ล้านตันแล้วเอาข้าวใหม่ที่่เข้าโครงการไปเสนอขาย พร้อมปลุกให้คนไทยตื่นจากภวังค์ของคนดูไบได้แล้ว เพราะการเก็บข้าวไม่ได้ทำให้เรานำราคาในตลาดโลกได้ ผูกขาดไม่ได้เพราะข้าวไม่ใช่มือถือ เก็บไว้ 2 ปีข้าวก็เน่าแล้ว
นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนาทางออกระบบอุตสาหกรรมข้าวไทยสู่การแข่งขันตลาดโลก จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา โดยระบุว่า ทางออกของอุตสาหกรรมข้าวไทยคือต้องรื้อฟื้นระบบการขายข้าวแบบเก่าที่่ระบบรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลได้ทำลายลงไป เนื่องจากระบบเดิมที่่ทำให้ข้าวไทยได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพจากตลาดโลกมีกระบวนการคัดเลือกข้าวที่่ได้คุณภาพดีอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากระบบของรัฐที่่จำนำข้าว และนำข้าวมาเก็บไว้จนเสื่อมคุณภาพ
“ยอมรับว่า 2 ปีที่ผ่านมาไทยระบายข้าวไม่ได้ ส่งออกไม่ได้ เพราะบางตลาดเห็นว่าคุณภาพข้าวไทยเสื่อมลงเพราะมีการเก็บข้าวไว้นานเกินไป ดังนั้นทางออกของการขายข้าวและรักษาตลาดข้าว รัฐบาลต้องแกล้งลืมสต๊อกข้าว 17 ล้านตันไปเลย แล้วเอาข้าวใหม่ที่่เข้าโครงการไปเสนอขาย จากนั้นค่อยหาทางระบายข้าวที่่เสื่อมคุณภาพออกไปภายหลังซึ่งต้องใช้เวลาระบายอีกนานมาก”
นายอัมมารกล่าวว่า ตลาดข้าวในอนาคตจะแข่งขันกันในเรื่องคุณภาพข้าวสูงขึ้น ดังนั้น การที่่รัฐบาลเก็บข้าวไว้ในโครงการทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพจึงเป็นการทำลายอนาคตการส่งออกข้าวไทย และสร้างความเสียหายแก่ห่วงโซ่การผลิตข้าวทั้งระบบ
“เราต้องตื่นจากภวังค์ของคนดูไบได้แล้ว การเก็บข้าวไม่ได้ทำให้เรานำราคาในตลาดโลกได้ ผูกขาดไม่ได้เพราะข้าวไม่ใช่มือถือ เก็บไว้ 2 ปีข้าวก็เน่า”
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของรัฐบาลคือการทำให้ราคาข้าวเปลือกพุ่งไปสูงถึง 30-40% แต่ข้าวสารยังมีราคาเท่าเดิม เพราะนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาลรวบรัดเอาข้าวมาอยู่กับตัวเองทำให้ราคาข้าวสารนิ่ง แต่ข้าวเปลือกแพง จึงอาจต้องพิจารณาให้ราคาข้าวสารแพงขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นชาวนา พ่อค้า หรือผู้บริโภค
นายอัมมารกล่าวว่า มีความรู้สึกว่าอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่อาศัยมานานคือบ้านเศรษฐกิจข้าว ขณะนี้มีความรู้สึกเกิดพายุใหญ่ บ้านถูกทำลาย โดยข้าวส่วนใหญ่ที่บริโภคกันอยู่ไม่ได้มาจากชาวนาที่ยากจน แต่มาจากชาวนาร่ำรวย หรือระดับปานกลาง ประมาณ 20% ข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำจึงมาจากชาวนาฐานะดี ซึ่งการที่เราจะบอกแก้ปัญหาความยากจนโดยการขึ้นราคาสินค้าข้าวนั้นเป็นคนละเรื่อง และการแก้ไขปัญหายากจนโดยการขึ้นราคาสินค้าข้าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ผิดพลาด ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น 2 ปีที่ผ่านมาเป็นการหากินของพวกที่อาศัยการเมืองกอบโกยหากิน
“ดูตลาดส่งออกข้าวของเรา พ่อค้าที่รัฐบาลให้อำนาจผูกขาดไม่มีปัญญาส่งออกจึงทำให้การส่งออกต่ำลง และทำให้ข้าวตกอยู่ในมือรัฐบาล และในอนาคตเมื่อเอเชียมีราคาข้าวดีขึ้นจะทำให้คนสนใจคุณภาพข้าว ส่วนไทยก็ต้องค่อยรื้อฟื้นระบบค้าข้าวแบบเดิมที่สร้างคุณค่าให้ข้าวไทยอย่างแท้จริง”
อย่างไรก็ตาม มองว่าการระบายข้าวรัฐบาลต้องทำให้โปร่งใส เลิกวิธีการที่ให้เอกชนแค่ไม่กี่่รายเข้ามาผูกขาด เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวในการระบายข้าว และทำให้มีการขาดทุนจำนวนมาก รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อลดความเสียหายลง
นายอัมมารกล่าวสรุปว่า ทางออกของปัญหาในระยะสั้นนั้นพูดลำบาก เพราะรัฐบาลกำลังหันซ้ายหันขวาหาทางออกจากนโยบายของตัวเอง เปลี่ยนวันต่อวันเพื่อแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ซึ่งข้อเท็จจริงเมื่อมองไป 2-3 ปีข้างหน้าจะต้องเจ็บปวด จึงขอฝากบอกรัฐบาลว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดให้ดีเพราะจะสร้างความเจ็บปวด ซึ่งความเจ็บปวดดังกล่าวต้องไปที่พ่อค้าข้าวเป็นหลัก ขณะที่ชาวนาอาจจะรับภาระบางส่วน