xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลถอยลดราคาจำนำ คาดเหลือตันละ 1.2-1.35 หมื่นบาท และไม่รับทุกเมล็ด พร้อมรับปีแรกเจ๊ง 1.36 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์
กขช.ยอมรับจำนำข้าวปีแรกนาปี 54/55 และนาปรัง 55 เจ๊ง 1.36 แสนล้านบาท ส่วนปี 55/56 ยังไม่สรุป ขอเช็กสต๊อกก่อน พร้อมใส่เกียร์ถอยจ่อลดราคาจำนำข้าวเหลือตันละ 1.2-1.35 หมื่นบาทก่อนที่จะถังแตก และไม่รับจำนำทุกเมล็ดอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 17 มิ.ย. 2556 ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยการประชุมครั้งนี้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แต่งตั้งให้หาข้อเท็จจริงกรณีการรับจำนำข้าวเจ๊ง 2.6 แสนล้านบาท และได้เข้าร่วมการประชุม กขช.ในครั้งนี้ด้วย ได้ออกมาชี้แจงถึงตัวเลขการขาดทุนจำนำข้าว

นายวราเทพกล่าวว่า กขช.ได้ให้การรับรองตัวเลขดำเนินโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลแรก ซึ่งอยู่ในฤดูกาลผลิตปี 2554/55 และนาปรังปี 2555 มีผลดำเนินงานขาดทุน 1.36 แสนล้านบาท ตามวิธีคำนวณของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตร กระทรวงการคลังที่คำนวณจากมูลค่าข้าวในสต๊อกของรัฐบาลซึ่งยังคงเหลืออยู่ตามราคาตลาดต่ำสุด ณ วันปิดบัญชี โดยคำนวณจากจำนวนข้าวเปลือก 21.7 ล้านตัน ใช้เงินไปทั้งสิ้น 3.52 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าข้าวคงเหลือในสต๊อก 1.56 แสนล้านบาท ส่วนข้าวที่ขายออกไป 5.92 หมื่นล้านบาท

ส่วนการพิจารณาตัวเลขปิดบัญชีข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2555/56 ยังไม่สามารถคำนวณตัวเลขได้เนื่องจากสต๊อกยังมีความคลาดเคลื่อน กขช.จึงได้มอบให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ไปตรวจปริมาณสต๊อกข้าวที่แน่นอน และส่งตัวเลขกลับมาให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ พิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผลการขาดทุนโครงการข้าวนาปี 2554/55 และนาปรัง 2555 อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะตัวเลขที่แท้จริงจะมีการสรุปได้ชัดเจนเมื่อมีการระบายข้าวจนหมด โดยจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอให้ ครม.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.)

นายวราเทพกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มีการคำนวณตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวออกมาก่อนเพื่อตอบข้อสงสัยของสังคม หลังมีการกล่าวหาว่ามีการขาดทุนสูงถึง 2.6 แสนล้านบาทซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่มีที่มาที่ไป และหลังจากที่ กขช.ได้ขอให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ทำการสรุปตัวเลขการดำเนินการเป็นรายไตรมาส หรือทุก 3 เดือนสรุปให้ กขช.รับทราบ ซึ่งครั้งต่อไปจะทำการสรุปตัวเลขในโครงการรับจำนำข้าว โดยปิดบัญชีในวันที่ 31 พ.ค. 2556 และยึดวิธีการคำนวณของอนุกรรมการปิดบัญชีฯ เป็นมาตรฐานการคำนวณผลดำเนินการ

จากนั้น เมื่อเวลาประมาณ 19.45 น. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาแถลงข่าวถึงผลการประชุม กขช.ว่า ได้มีมติให้ปรับปรุงโครงการรับจำนำข้าวที่จะนำมาใช้ในปี 2556/57 และนาปรังปี 2557 โดยมี 3 ทางเลือกให้ฝ่ายเลขานุการ กขช.ไปพิจารณา คือ 1. ใช้ราคาปัจจุบันที่ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ลดลงในอัตรา 15-20% 2. ใช้ราคาต้นทุนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คำนวณได้ แล้วบวกกำไรให้ 25% และ 3. ใช้ราคาชี้นำตลาด โดยบวกราคาเพิ่มให้จากราคาตลาดอีก 10% ซึ่งราคาทั้งหมดจะอยู่ในกรอบ 1.2-1.35 หมื่นบาท/ตัน ส่วนข้าวหอมมะลิก็จะใช้วิธีการเดียวกัน ซึ่งจะมีราคาลดลงด้วย

ส่วนปริมาณที่รับจำนำคาดว่าจะมีการปรับลดปริมาณลงเช่นเดียวกัน โดยจะรับจำนำไม่เกิน 14-15 ล้านตันจากคาดการณ์ผลผลิตปี 2556/57 ที่คาดว่าจะมีปริมาณ 26-27 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนนาปรังปี 2557 ยังไม่ได้มีการคาดการณ์ โดย กขช.ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการไปรวบรวมรายละเอียดแต่ละแนวทางก่อนนำเสนอให้ กขช.พิจารณา และนำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป

“การพิจารณาปรับลดราคาและปริมาณการรับจำนำข้าวในครั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง และไม่เป็นภาระต่อการจัดทำงบประมาณที่จะต้องมาชดเชยในแต่ละปี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และตระหนักมาโดยตลอด โดยกรอบการใช้เงินในโครงการรับจำนำตามวินัยทางการคลังจะต้องขาดทุนไม่เกิน 7 หมื่นถึง 1 แสนล้านบาท” นายบุญทรงกล่าว

นายบุญทรงกล่าวว่า กขช.ยังได้มีมติให้มีการเร่งรัดการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้เร็วขึ้น โดยใช้แนวทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น การเปิดช่องให้ต่างประเทศเสนอซื้อข้าวได้โดยตรง การประมูลในรูปแบบใหม่ๆ หรือใช้วิธีการเดิมที่ไม่เคยใช้ คือ การขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) โดยให้กรมการค้าต่างประเทศไปศึกษารายละเอียดและเสนอกลับมาให้ กขช.พิจารณาอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกข้าวของรัฐบาล โดยให้ตรวจสอบโรงสี โกดังกลางทุกแห่งเพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวที่คงเหลือทั้งหมด โดยให้เวลาดำเนินการภายใน 30 วัน
กำลังโหลดความคิดเห็น