“บุญทรง” ดึงคลัง-ธ.ก.ส.ร่วมชี้แจงจำนำข้าวเจ๊ง 2.6 แสนล้าน ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ได้ขาดทุนสูงขนาดนั้น อ้ำๆ อึ้งๆ บอกไม่ได้ว่าขาดทุนจริงๆ เท่าไรกันแน่ แต่บอกชาวนาได้ประโยชน์เต็มๆ แถมช่วยกระตุ้นจีดีพีประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มิ.ย.) เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวจากสำนักต่างๆ ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ได้เดินทางไปรับฟังการชี้แจงเรื่องจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทที่กระทรวงพาณิชย์ แต่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมาแถลงจริงเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. โดยมาพร้อมกับนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประธานบอร์ดองค์การคลังสินค้า (อคส.) และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อธิบดีกรมการค้าภายใน
นายบุญทรงได้เริ่มการแถลงข่าว โดยระบุว่ารัฐบาลได้รับจำนำข้าวมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นการช่วยยกระดับรายได้ให้ชาวนา โดยรัฐบาลได้ใช้วงเงินจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบันวงเงิน 6 แสนล้านบาท จำนำข้าวได้รวม 39.5-40 ล้านตันข้าวเปลือก มีชาวนาได้ประโยชน์ 3.7 ล้านครัวเรือน หรือ 14-15 ล้านคน ซึ่งเงินที่ถึงมือชาวนาได้ช่วยให้ชาวนามีกำลังซื้อ และไปหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ ทำให้จีดีพีโต 0.5-1%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ขายข้าวและส่งเงินคืนคลังไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนในการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลค้ำประกัน 4.1 แสนล้านบาท บวกเงินของ ธ.ก.ส.อีก 9 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จะไม่มีการขอวงเงินเพิ่ม โดยจะใช้วงเงินที่เหลือบวกเงินที่ได้จากการขายข้าวในการรับจำนำ
“ยืนยันว่าการรับจำนำทำให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้นจริง ส่วนข้อมูลที่ถูกนำไปกล่าวหาตามสื่อ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ว่าโครงการจำนำขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท ไม่จริง ไม่มีที่มาที่ไป” นายบุญทรงกล่าว
จากนั้นนายบุญทรงได้ขอให้นายทนุศักดิ์ช่วยชี้แจงต่อ โดยนายทนุศักดิ์ไม่ได้ชี้แจงเรื่องจำนำข้าวขาดทุน แต่ได้ยืนยันนโยบายการรับจำนำข้าวว่าเป็นนโยบายรัฐบาล และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร โดยคลัง และ ธ.ก.ส.ไม่ได้ละเลยที่จะเข้าไปดูแลโครงการ และย้ำว่าโครงการช่วยให้เศรษฐกิจปีที่ผ่านมาเติบโตได้เกือบ 1% ทำให้จีพีดีเพิ่มจาก 5% เป็น 6% เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายทนุศักดิ์ชี้แจงได้สักพัก ผู้สื่อข่าวก็ถามแย้งขึ้นมาว่าขอให้ชี้แจงว่าโครงการจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทจริงหรือไม่ ไม่ใช่ให้มาชี้แจงนโยบายของกระทรวงการคลัง แต่นายทนุศักดิ์ก็ไม่ได้ตอบ โดยได้อธิบายถึงข้อดีของโครงการรับจำนำต่อ
หลังจากนั้น นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า การรับจำนำทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น 4 พันบาทต่อตัน มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นทั้งระบบ 8.6 หมื่นล้านบาท หรือ 39,160 บาท/ครัวเรือน โดยการรับจำนำตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันใช้เงินรับจำนำรวม 6.06 แสนล้านบาท แยกเป็นนาปี 2554/55 จำนวน 1.18 แสนล้าน นาปรัง 2555 2.1 แสนล้าน ปี 2555/56 2.28 แสนล้าน และนาปรัง 2556 5 หมื่นล้านบาท
พอนายสุพัฒน์แถลงเสร็จ นายบุญทรงได้ขอให้นายณัฐวุฒิช่วยชี้แจงต่อในเรื่องการรับจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทจริงหรือไม่ โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า มีตัวเลขเบื้องต้นจากคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของกระทรวงการคลัง ที่ระบุว่า โครงการจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งตรวจสอบเบื้องต้นยังเป็นเอกสารลับ ยังแจกสื่อไม่ได้ ต้องเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาก่อน แต่เท่าที่ดูตัวเลขไม่มีระบุว่าขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท ที่ปรากฏมีเพียงการระบายข้าวเปลือกปี 2547/48 จนถึงปัจจุบัน และมีโครงการจำนำมันสำปะหลังปี 2551/52 ข้าวโพด ปี 2551/52 กุ้งขาวปี 2552 รวม 17 โครงการ โดยมีการระบุกำไร ขาดทุนโครงการต่างๆ เอาไว้
ส่วนการจำนำของรัฐบาลชุดนี้ มีมูลค่าข้าวคงเหลือ 2.26 แสนล้านบาท ขาดทุน 3 ปี แยกเป็น 4.2 หมื่นล้านบาท 9 หมื่นล้านบาท และ 8.4 หมื่นล้านบาท ถ้าเอามูลค่าสินค้าคงเหลือหักกับมูลค่าดำเนินการไม่พบยอดขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท แต่ก็มีข้อสงสัยว่ามูลค่าสินค้าคงเหลือคิดจากราคาต่ำสุดหรือราคาที่ระบายได้ จึงยังสรุปไม่ได้ว่ารัฐบาลขาดทุนเท่าไร
เมื่อถึงช่วงนี้ ผู้สื่อข่าวได้รุมถามอย่างหนักว่าแล้วจริงๆ มันขาดทุนเท่าไรกันแน่ เพราะที่อธิบายมาแล้ว 3-4 ท่านก็ยังไม่ปรากฏว่ามีความชัดเจนว่าโครงการจำนำขาดทุนหรือไม่ขาดทุน ซึ่งนายบุญทรงได้ขอให้ผู้สื่อข่าวใจเย็นๆ พร้อมระบุว่ายังไม่ได้ปิดโครงการก็เลยบอกไม่ได้ว่าขาดทุนเท่าไรกันแน่ เพราะข้าวที่จำนำมาจะใช้เวลาขายอีก 2-3 ปีถึงจะหมด
ขณะที่นายณัฐวุฒิก็ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน แต่ได้เลี่ยงตอบว่า การจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลยังไม่ปรากฏว่ามีผลกำไรมาก่อน เพราะรัฐบาลต้องดูแลเกษตรกร พร้อมย้ำว่า ยังไม่ปรากฏว่ามีชาวนาอยากให้เลิกโครงการ ส่วนตัวเลขสรุปขาดทุนของคณะกรรมการปิดบัญชีจะต้องเสนอให้ กขช.พิจารณาก่อน
เมื่อถามว่า แล้วข้าวในสต๊อกที่ยังคงเหลือมีอยู่จริงเท่าไร 17 ล้านตันใช่หรือไม่ นายบุญทรงกล่าวว่า คงราวๆ นั้น แต่หากหักข้าวที่มีภาระผูกพันออก ก็จะเหลือข้าวที่ไม่มีภาระผูกพันจริงกว่า 10 ล้านตันเท่านั้น