xs
xsm
sm
md
lg

ปิดไม่อยู่ข้าวเน่า!ดึงดันแต่งบัญชีขาดทุนหวั่นบริโภคอาจก่อมะเร็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุดอนาจประเทศไทย! โครงการรับจำนำข้าว เน่าทุกเมล็ด ปล่อยทิ้งมอดชอนไชนับล้านกระสอบ โรงเก็บข้าวสารในโกดังกลางพนมสารคาม ขณะที่กบช.ระบุรับจำนำข้าวปีแรกนาปี 54/55 และนาปรัง 55 เจ๊ง 1.36 แสนล้าน ส่วนปี 55/56 อ้างขอเช็กสต๊อกก่อน จ่อลดราคาเหลือตันละ 1.2-1.35 หมื่นบาท “หมอวรงค์” อัด รบ.เมินคุณภาพชีวิต ปชช. จี้ส่งห้องแล็บมาตรฐานยืนยันข้อเท็จจริงด่วน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเคยออกโรงเตือนคนไทยอย่ากินข้าวถุง รบ. ชี้เสี่ยงเป็นมะเร็ง

วานนี้ (17 มิ.ย.) คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้เริ่มประชุมเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. และจากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แต่งตั้งให้หาข้อเท็จจริงกรณีการรับจำนำข้าวเจ๊ง 2.6 แสนล้านบาท และได้เข้าร่วมการประชุม กขช. ในครั้งนี้ด้วย ได้ออกมาชี้แจงถึงตัวเลขการขาดทุนจำนำข้าว

รับจำนำข้าวปีแรกเจ๊ง1.36แสนล.

นายวราเทพกล่าวว่า กขช. ได้ให้การรับรองตัวเลขดำเนินโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลแรก ซึ่งอยู่ในฤดูกาลผลิตปี 2554/55 และนาปรังปี 2555 มีผลดำเนินงานขาดทุน 1.36 แสนล้านบาท ตามวิธีคำนวณของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตร กระทรวงการคลัง ที่คำนวณจากมูลค่าข้าวในสต็อกของรัฐบาลซึ่งยังคงเหลืออยู่ตามราคาตลาดต่ำสุด ณ วันปิดบัญชี โดยคำนวณจากจำนวนข้าวเปลือก21.7 ล้านตัน ใช้เงินไปทั้งสิ้น 3.52 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าข้าวคงเหลือในสต็อก 1.56 แสนล้านบาท ส่วนข้าวที่ขายออกไป 5.92 หมื่นล้านบาท

ส่วนการพิจารณาตัวเลขปิดบัญชีข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2555/56 ยังไม่สามารถคำนวณตัวเลขได้ เนื่องจากสต็อกยังมีการคลาดเคลื่อน กขช. จึงได้มอบให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรก (อ.ต.ก.) บไปตรวจปริมาณสต็อกข้าวที่แน่นอน และส่งตัวเลขกลับมาให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ พิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผลการขาดทุนโครงการข้าวนาปี 2554/55 และนาปรัง 2555 อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะตัวเลขที่แท้จริงจะมีการสรุปได้ชัดเจน เมื่อมีการระบายข้าวจนหมด โดยจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอให้ ครม. พิจารณาในวันนี้ (18 มิ.ย.)

นายวราเทพกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มีการคำนวณตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวออกมาก่อน เพื่อตอบข้อสงสัยของสังคม หลังมีการกล่าวหาว่ามีการขาดทุนสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่มีที่มาที่ไป และหลังจากที่ กขช. ได้ขอให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ทำการสรุปตัวเลขการดำเนินการเป็นรายไตรมาส หรือทุก 3 เดือน สรุปให้ กขช. รับทราบซึ่งครั้งต่อไปจะทำการสรุปตัวเลขในโครงการรับจำนำข้าว โดยปิดบัญชีในวันที่ 31 พ.ค.2556 และยึดวิธีการคำนวณของอนุกรรมการปิดบัญชีฯ เป็นมาตรฐานการคำนวณผลดำเนินการ

ไอ้เสือถอยลดราคารับจำนำข้าว

จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 19.45 น. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาแถลงข่าวถึงผลการประชุม กขช. ว่า ได้มีมติให้ปรับปรุงโครงการรับจำนำข้าว ที่จะนำมาใช้ในปี 2556/57 และนาปรัง 2557 โดยมี 3 ทางเลือกให้ฝ่ายเลขานุการ กขช. ไปพิจารณา คือ 1.ใช้ราคาปัจจุบันที่ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ลดลงในอัตรา 15-20% 2.ใช้ราคาต้นทุนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คำนวณได้แล้วบวกกำไรให้ 25% และ 3.ใช้ราคาชี้นำตลาด โดยบวกราคาเพิ่มให้จากราคาตลาดอีก 10% ซึ่งราคาทั้งหมดจะอยู่ในกรอบ 1.2-1.35 หมื่นบาท/ตัน ส่วนข้าวหอมมะลิ ก็จะใช้วิธีการเดียวกัน ซึ่งจะมีราคาลดลงด้วย

ส่วนปริมาณที่รับจำนำ คาดว่าจะมีการปรับลดปริมาณลงเช่นเดียวกัน โดยจะรับจำนำไม่เกิน 14-15 ล้านตัน จากคาดการณ์ผลผลิตปี 2556/57 ที่คาดว่าจะมีปริมาณ 26-27 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนนาปรัง 2557 ยังไม่ได้มีการคาดการณ์ โดย กขช. ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ไปรวบรวบรายละเอียดแต่ละแนวทาง ก่อนนำเสนอให้ กขช. พิจารณา และนำเสนอ ครม .พิจารณาต่อไป

“การพิจารณาปรับลดราคาและปริมาณการรับจำนำข้าวในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง และไม่เป็นภาระต่อการจัดทำงบประมาณที่จะต้องมาชดเชยในแต่ละปี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยกรอบการใช้เงินในโครงการรับจำนำตามวินัยทางการคลัง จะต้องขาดทุนไม่เกิน 7 หมื่นถึง 1 แสนล้านบาท”นายบุญทรงกล่าว

นอกจากนี้ กขช. ยังได้มีมติให้มีการเร่งรัดการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้เร็วขึ้น โดยใช้แนวทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น การเปิดช่องให้ต่างประเทศเสนอซื้อข้าวได้โดยตรง การประมูลในรูปแบบใหม่ๆ หรือใช้วิธีการเดิมที่ไม่เคยใช้ คือ การขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) โดยให้กรมการค้าต่างประเทศไปศึกษารายละเอียดและเสนอกลับมาให้ กขช.พิจารณาอีกครั้ง อีกทั้ง ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกข้าวของรัฐบาล โดยให้ตรวจสอบโรงสี โกดังกลางทุกแห่ง เพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวที่คงเหลือทั้งหมด โดยให้เวลาดำเนินการภายใน 30 วัน

โต้ไม่ได้รมยาจนหนูกินยังตาย

วันเดียวกันนี้(17มิ.ย.) ได้มีข่าวในโซเซียลมีเดีย ลือกันว่า กระทรวงพาณิชย์ได้นำข้าวในสต๊อกขายให้กับดีลเลอร์รายใหญ่ของประเทศ ได้แก่ แม็คโคร เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี นำไปบรรจุถุงเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชน และเตือนไม่ให้ประชาชนซื้อมารับประทาน เนื่องจากใช้ยาในการรักษาข้าวอย่างแรง ขนาดหนูทดลองยังแห้งตาย และเสี่ยงเป็นมะเร็ง

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การกล่าวหาในโซเซียลมีเดียแบบนั้น เป็นการกล่าวหาเกินจริง เพราะในการรักษาคุณภาพข้าว จะต้องมีการรมยาตามปกติอยู่แล้ว เพื่อป้องกันมอด ป้องกันแมลง และไม่ได้มีการรมยามากเกินไปกว่ามาตรฐานที่กำหนด การที่ผู้ซื้อมาซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาล เมื่อนำไปผลิตบรรจุถุง หรือนำไปส่งออก ก็จะมีการปรับปรุงคุณภาพข้าวอีกครั้งหากไม่ได้มาตรฐานก็ไม่สามารถนำไปจำหน่ายหรือส่งออกได้

“กระทรวงพาณิชย์อยากให้ประชาชนตระหนักถึงข่าวที่เกิดขึ้น และอย่ากังวลมากจนเกินไป เพราะข้าวที่อยู่ในสต๊อก มีการควบคุมคุณภาพ และดูแลคุณภาพเป็นอย่างดี อีกทั้งในการขายให้กับผู้ซื้อๆ ก็มีการตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะนำข้าวออกไป”รายงานข่าวระบุ

ด้านนางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ข้าวในโครงการรับจำนำมีความปลอดภัย เพราะใช้สารเคมีที่รมยาผ่านมาตรฐานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) โดยใช้สารที่ชื่อว่า "อลูมิเนียมฟอสไฟด์" รมยาเพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยได้ใช้วิธีการนี้มานานแล้ว ทั้งนี้

ข้าวเน่ากลิ่นโชย ที่โกดัง อ.พนมสารคาม

อย่างไรก็ตาม วานนี้(17 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ฉะเชิงเทรา ว่าได้รับการเปิดเผยจากชาวบ้านที่อาศัยข้างเคียงโรงเก็บรักษาข้าวสาร ในโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/2555 ของโกดังกลางแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ในอ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ว่าเวลาเกิดฝนตกหนัก อากาศมีความชื้นสูง และมีลมพัดผ่านเข้าหมู่บ้าน โดยช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะได้กลิ่นเหม็นหืนของแป้งเน่าโชยออกมาจากโกดังกลางดังกล่าว ซึ่งจากสอบถามเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนงานที่เคยเข้าไปทำงานอยู่บริเวณนั้น ทราบว่าข้าวสารที่ถูกนำมาเก็บรักษาไว้ภายในโกดังจำนวนมาก ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปี 2555 ได้ถูกมอดกัดกินเนื้อเมล็ดข้าวจนเหลือแต่เศษผงแป้งทุกกระสอบแล้ว ทำให้ข้าวสารที่เก็บไว้เปียกชื้น ส่งกลิ่นเหม็นหืนไปไกลหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสลมพัดผ่านมาเวลาฝนตกหนัก

ขณะเดียวกัน ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลแก้ปัญหา เนื่องจากหากสอบพบถึงต้นตอที่มาของกลิ่น อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่ออาชีพการงาน โดยเฉพาะข้าราชการประจำ เพราะถือเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลที่ใช้หาเสียง เกรงว่าจะได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้

“หมอวรงค์” หวั่นข้าวถุงรบ.ไม่ปลอดภัย -เสี่ยงมะเร็ง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สังคมออนไลน์มีการเผยแพร่เรื่องปัญหาข้าวถุงของกระทรวงพาณิชย์ ปนเปื้อนสารเคมีที่ใช้ในการป้องกันแมลงและมอดในอัตราที่สูงจนเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้บริโภคว่า ตนได้รับข้อมูลเรื่องนี้จากประชาชนเช่นกัน และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากได้เคยร่วมกับคณะกรรมาธิการฯ ไปตรวจสอบโกดังที่เก็บข้าวหลายแห่ง พบว่ามีนกและหนูนอนตายอยู่ในโกดังข้าว รวมทั้งเชื้อราจำนวนมาก เพราะต้องมีการรักษาสภาพข้าวไม่ให้มีมอดแมลงมากิน จึงต้องมีรมสารเคมี ดังนั้นการที่รัฐบาลระบายข้าวพวกนี้ออกมาโดยการนำไปบรรจุข้าวถุงขายถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างยิ่ง และ หากรัฐบาลจริงใจก็ควรนำข้าวไปพิสูจน์ที่ห้องแล็บที่ได้รับมาตรฐานความน่าเชื่อถือ เพื่อดูว่ามีแบคทีเรีย เชื้อรา และสารเคมีหรือไม่ก่อนที่จะไปขายให้กับประชาชน แต่ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ทำ เพราะเวลาไปตรวจหากข้าวไม่ได้มาตรฐานขึ้นมารัฐบาลก็เสียชื่อ สู้ทำไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า ซึ่งเราจะเห็นข้าวตามร้านถูกใจมีเชื้อรามีรังหนอนก็ได้เห็นกับตา รัฐบาลชุดนี้ละเลยคุณภาพชีวิตของประชาชน ปล่อยให้ประชาชนมีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตหลายด้าน

ส่วนที่อ้างว่าผู้ประกอบการมีกระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าวก่อนที่จะมีการบรรจุถุง นพ.วรงค์กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เวลาจะแปรรูปมีเพียงการปรับปรุงด้วยการขัด หรือใช้เครื่องแยกข้าวคุณภาพออกมา แต่สารเคมีเชื้อต่างๆ ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นจะต้องมีการตรวจเพื่อให้ได้มาตรฐานคุณภาพข้าวว่ามีการปนเปื้อนเกินมาตรฐานหรือไม่ ถ้ารัฐบาลใจกล้าพอและดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนจริงต้องนำไปตรวจ หรือผู้ประกอบการที่ซื้อข้าวไปก็ควรจะส่งไปตรวจก่อนเพื่อดูมาตรฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผอ.ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และอดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลล้มเลิกโครงการจำนำข้าว เพราะหากเดินหน้าต่อไปอีก 1-2 ปี คนไทยจะเสี่ยงเป็นมะเร็งจำนวนมาก โดยเฉพาะมะเร็งตับ เนื่องจากการเก็บรักษาข้าวของรัฐบาลไม่ได้มาตรฐาน ทำให้คุณภาพเสื่อม จนเกิดเชื้อราชนิดนี้ทนความร้อน แม้จะมีการปรุงให้สุกก็ตาม โดยรัฐบาลแก้ปัญหาขายข้าวไม่ได้ด้วยการบังคับให้คนไทยซื้อข้าวบรรจุถุงขายของรัฐบาล ที่เต็มไปด้วยเชื้อและสารพิษตกค้างจากการใช้สารเคมีรมยาข้าว และรักษาคุณภาพข้าวแทน

บิ๊กซีออกตัวโมเดิร์นเทรดโดนใส่ร้าย

แหล่งข่าวจาก บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ข้าวถุงที่จำหน่ายในบิ๊กซีเป็นแบรนด์ของ “บิ๊กซี” ของบริษัทเอง มีที่มาจากผู้ผลิตซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ผลิตที่มีแบรนด์ของตัวเองอยู่แล้วส่งมาให้ โดยมีผู้ผลิตที่ผลิตข้าวให้กับบิ๊กซีจำนวน 5 ราย ซึ่งบิ๊กซีเองก็มีการตรวจทุกขั้นตอนอย่างละเอียดตั้งแต่ การผลิตถึงกระบวนการสุดท้าย และบิ๊กซีเองไม่เสี่ยงที่จะเอาชื่อเสียงไปทำอะไรไม่ดีอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวที่มาจากรัฐบาลนั้น เท่าที่ตรวจสอบจากทางผู้ผลิตข้าวถุงแล้วก็มีบางรายที่รับมา บางรายก็ไม่ได้รับ ไม่สามารถทราบได้หมด แต่ยืนยันว่า ข้าวถุงบิ๊กซีนั้น ทางผู้ผลิตที่ผลิตส่งมาให้ไม่มีการนำเอาข้าวจากสต๊อกของรัฐบาลมาผลิตแล้วส่งข้าวถุงให้กับบิ๊กซี

แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีก กล่าวให้ความเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้มาจากกระแสข่าวลือในโลกโซเชียลมีเดียที่โพสต์ต่อๆกันไป เหมือนกับเป็นการปล่อยข่าวมากกว่าเพื่อวงผลทางธุรกิจ น่าสังเกตุว่าทำไมต้องเจาะจงไปที่ร้านรายใหญ่ของโมเดิร์นเทรดเฉพาะ บิ๊กซี เทสโก้โลตันส แม็คโคร

“มาร์ค”จี้“ปู”เร่งแก้หวั่นบานปลาย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล ยังเดินหน้านโยบายการรับจำนำข้าวว่า ปัญหาการขาดทุนเฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข 2.6 ล้านบาท หรือ 2.4 ล้านบาท และรัฐบาลควรดูว่า การจัดสรรงบประมาณเฉพาะใน ร่าง พ.ร.บงประมาณปี 2557 รัฐบาลต้องจัดสรรดอกเบี้ยเฉพาะโครงการ ปี 54/55 เพียงฤดูกาลเดียว ต้องจัดสรรถึง 1.5 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจึงต้องทบทวนว่า หากสามารถนำเงินที่ขาดทุนแสนกว่าล้านบาท ไปช่วยเกษตรกร หรือนำไปพัฒนา จะมีประโยชน์มากกว่าที่ทำอยู่มากแค่ไหน และไม่อยากให้นายกฯ เอาเรื่องการเมืองอยู่เหนือความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในการบริหารประเทศ เพราะเวลาทื่มีปัญหาเข้าขั้นวิกฤต เช่น จำนำข้าว ผู้นำรัฐบาลต้องตัดสินใจ จะเอาอย่างไรก็ต้องบอกประชาชน ถ้าจะให้ประชาชนเข้าใจว่า ทุกปียอมเสียเงิน 2 แสนล้านบาท แต่ถึงมือเกษตรกรไม่ถึงแสนล้านบาท ขอให้ประชาชนยอมรับว่า จะทำอย่างนี้ ท่านก็ต้องยืนยัน และต้องดูแลว่า ต้องลดงบประมาณอย่างไร เพื่อไม่ให้ฐานะการคลังของประเทศทรุด

ผู้ประกอบการข้าวถุงหนุนลดราคารับจํานํา

นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า ตนเห็นด้วยหากรัฐบาลจะปรับลดราคาการรับจำนำข้าวลง โดยเฉพาะราคาของข้าวขาว เพราะเห็นแล้วว่า การกำหนดราคาการรับจำนำที่ตันละ 15,000 บาท เป็นราคาที่สูงเกินไป ไม่สามารถผลักดันราคาตลาดให้สูงตามได้ และหากรัฐบาลต้องการลดปัญหาขาดทุน จะต้องมีการปรับราคารับจำนำลง ทำให้กลไกตลาดภาคเอกชนทำงาน และระบายข้าวออกอย่างต่อเนื่อง ลดงบประมาณในส่วนของการจัดเก็บ และค่าเสื่อมสภาพลง

สมาคมผู้ค้าปลีกวอนใช้วิจารณญาณ

ขณะเดียวกัน สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้ออกแถลงการณ์กรณีข้าวสารบรรจุถุงที่ปรากฎในสื่อ ออนไลน์ ว่า อยากวิงวอนให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญานในการรับฟัง หรือส่งต่อ ข้อความหรือข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานหรือมูลความจริงที่แน่ชัด เพราะจะก่อให้เกิดการตื่นตระหนก และไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อผลผลิตการเกษตรของไทยโดยรวมอีกด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น