กรมธุรกิจพลังงานเผยปั๊มแอลพีจี เม.ย.อยู่ที่ 1,541 แห่ง แม้ยังขยายตัวแต่เริ่มชะลอตัวในอัตราต่ำลงมาเหตุตลาดเริ่มอิ่มตัว การแข่งขันเริ่มสูง ขณะที่ยอดการใช้ 4 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 8% จากการเพิ่มขึ้นของปิโตรเคมีและภาคขนส่ง ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ ควักจ่ายชดเชยนำเข้าแอลพีจี 5 เดือนแรกจ่อทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ยอดใช้แอลพีจีช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) อยู่ที่ 623,000 ตัน/เดือน หรือ 20,800 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 8% เป็นการเพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มปิโตรเคมีและขนส่งเป็นหลัก โดยเฉพาะภาคขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 53% มาอยู่ที่ 4,500 ตัน/วัน ขณะที่สถานีบริการแอลพีจีเดือน เม.ย.ก็ยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 30 แห่งจาก มี.ค.มาอยู่ที่ 1,541 แห่ง โดยแนวโน้มปั๊มแอลพีจีเริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวค่อนข้างมากเนื่องจากตลาดเริ่มมีการอิ่มตัวและเริ่มแข่งขันสูงแล้ว
สำหรับปริมาณแอลพีจีภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการเข้มงวดการบรรจุจำหน่ายผิดประเภทตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาที่ควบคุมไม่ให้มีการนำแอลพีจีครัวเรือนไปขายในภาคอื่นๆ ส่งผลให้ตัวเลขภาคครัวเรือนลดลง 13% มาอยู่ที่ 6,900 ตัน/วัน โดยสัดส่วนขนส่งต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ 25:75 มาอยู่ที่ 45:55 ส่วนการใช้ภาคอุตสาหกรรมลดลง 1% มาอยูที่ 1,700 ตัน/วัน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายภาคขนส่ง 3 บาท/กก. แต่ละเดือนประมาณเกือบ 200 ล้านบาท จึงคาดว่าทั้งปีรายได้กองทุนฯ ที่เพิ่มจากส่วนนี้จะสูงถึง 2,000 ล้านบาทต่อปี
“หลังจากกระทรวงพลังงานร่วมกับตำรวจเข้มงวดการจำหน่ายผิดประเภท ทำให้การใช้กลับมาเป็นตามความเป็นจริง คือภาคครัวเรือนโตเท่ากับจีดีพี เหลือประมาณ 193,000 ตัน/เดือน จากเดือนธันวาคมปีที่แล้วมียอดขาย 271,000 ตัน/เดือน ส่วนภาคขนส่งล่าสุดเพิ่มจาก 91,000 ตัน/เดือน เป็น 155,000 ตัน/เดือน ซึ่งประเมินแล้วเป็นยอดที่เหมาะสมกับรถยนต์ที่ติดตั้งแอลพีจี 1.04 ล้านคัน” นายวีระพลกล่าว
สำหรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 4 เดือนแรกปีนี้ กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 9% เฉลี่ยอยู่ที่ 22.4 ล้านลิตรต่อวัน กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้น 5% เฉลี่ยอยู่ที่ 60.2 ล้านลิตรต่อวัน แอลพีจีเพิ่มขึ้น 8% เฉลี่ยอยู่ที่ 20.8 พันตันต่อเดือน และเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น 11% เฉลี่ยอยู่ที่ 8.3 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ขณะที่การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือนเมษายน 2556 อยู่ที่ 980,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 2% จากเดือนมีนาคม 2556 และลดลง 0.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ในเดือนเมษายนอยู่ที่ 135,464 ตันต่อเดือน ลดลง 0.1% จากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และลดลง 26.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 3,366 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนน้ำมันต้องจ่ายชดเชยการนำเข้าแอลพีจี 4 เดือนแรกปีนี้รวม 9,919 ล้านบาท และแนวโน้มเดือนพฤษภาคมน่าจะอยู่ระดับกว่า 12,000 ล้านบาท