กองปราบฯ เรียกผู้ประกอบการการโรงบรรจุก๊าซจำนวน 34 รายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาลักลอบบรรจุก๊าซผิดประเภทฯ “วรพงษ์” ลั่นหลังจากนี้ผู้ต้องหารายใดไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกอย่ามาบ่นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. น.ส.สุวรรณา ตรงตามพันธุ์ ผอ.สำนักงานบริการธุรกิจการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง และพ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.อก.จ.อ่างทอง พร้อมคณะพนักงานสอบสวนการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ได้ออกหมายเรียกให้ผู้แทน นิติบุคคลของโรงบรรจุก๊าซ จำนวน 30 โรง โรงบรรจุที่ขอเลื่อนจากวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 21 โรง สถานีบริการน้ำก๊าซรถยนต์ จำนวน 43 แห่ง และผู้ที่เกี่ยวข้อง 80 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในคดีเป็นโรงบรรจุก๊าซร่วมกันกับผู้อื่นนำน้ำก๊าซที่ได้มาจากการเป็นผู้ดำเนินการบรรจุก๊าซแทนผู้ค้าน้ำมัน มาตรา 7 ไปจำหน่ายหรือใช้ในการอื่นโดยไม่บรรจุใส่ถังก๊าซหุงต้ม และเป็นสถานีบริการก๊าซรถยนต์ร่วมกันกับผู้อื่นซื้อหรือรับก๊าซจากผู้ค้าน้ำมันที่ไม่ใช่ผู้ค้าตามมาตรา 7 ตามมาตรา 3 และ 8 พ.ร.ก.กำหนดแก้ไขและป้องกันภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 มาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา และคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ในวันนี้มีผู้ประกอบการเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วประมาณ 30 ราย ส่วนผู้ที่ยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหานั้นพนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจะมากล่าวอ้างภายหลังว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ ส่วนการสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มผู้ค้าตามมาตรา 7 นั้นพบหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว 1 ราย และยังมีสถานีบริการน้ำก๊าซรถยนต์อีกประมาณ 300 แห่งที่เข้าข่ายกระทำผิดในคดีนี้
ด้าน พ.ต.อ.อุเทนกล่าวว่า กรณีการสอบสวนขยายผลนั้นทางพนักงานสอบสวนได้เรียกบุคคลและนิติบุคคลที่เป็นบริษัทนอมินีที่ก่อตั้งขึ้นและมีการกระทำผิดในคดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้แล้ว 5 ราย ส่วนผู้ค้าตามมาตรา 7 นั้นมีบริษัทที่เข้าข่ายกระทำความผิด 3-4 แห่ง แต่ที่มีหลักฐานชัดเจนแล้ว 1 แห่งซึ่งหลักฐานทั้งหมดที่พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบนั้นส่วนใหญ่เป็นหลักฐานทางเอกสารซึ่งมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว โดยมีการตรวจสอบย้อนหลังไปหนึ่งปี ประกอบกับความเชี่ยวชาญของพนักงานสอบสวนที่มีความชำนาญและประสบการณ์การตรวจสอบคดีฟอกเงินซึ่งเป็นคดีที่มีเรื่องเอกสารเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้การสอบสวนรวบรวมหลักฐานชัดเจนและรวดเร็ว ซึ่งในส่วนของผู้ค้าตามมาตรา 7 นั้นจะมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้
“สำหรับข้อกล่าวหาในการดำเนินคดีนั้นจะเป็นข้อหาฉ้อโกงเงินกองทุนน้ำมันซึ่งในประเด็นนี้หากผู้กระทำผิดชดใช้ค่าเสียหายกลับคืนกองทุนน้ำมันแล้วก็จะทำให้โทษหนักจะเป็นเบาแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล” พ.ต.อ.อุเทนกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลานัดหมายก็มีผู้ประกอบการทั้งบุคคลและนิติบุคคลเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วประมาณ 34 ราย และคาดว่าจะทยอยเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาอีกหลายราย
