“พงษ์ศักดิ์” แจงกรณีก๊าซพม่าหยุดจ่ายช่วง 5-14 เม.ย. 56 จะไม่มีผลกระทบให้แอลพีจีขาดแคลนแต่อย่างใด เพราะการผลิตใช้ก๊าซฯ ฝั่งตะวันออก ขณะที่ผู้ค้าแอลพีจีมึนข่าว ยันร้านค้ายังขายปกติเป็นส่วนใหญ่ แจงการกักตุนไม่ง่ายมีกฎหมายคุมเข้มแถมซื้อถังมาเพิ่มไม่คุ้ม
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าประชาชนกักตุนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพราะเกรงปัญหาการขาดแคลนจากกรณีก๊าซพม่าหยุดจ่ายระหว่าง 5-14 เม.ย. 56 ว่า ยืนยันว่าแอลพีจีจะไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน เนื่องจากก๊าซฯ ที่ผลิตเป็นฝั่งตะวันออก ไม่เกี่ยวกับก๊าซพม่าแต่อย่างใด ประกอบกับมีการสำรองไว้ใช้และมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อรองรับการใช้ที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ก็จะไม่ขาดแคลนเช่นกัน เพราะมีการดึงก๊าซฯ จากฝั่งตะวันออกเข้าไปเสริม
“ผมจะสั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน หรือ ธพ. ไปดูแลปัญหาแอลพีจีอย่างใกล้ชิด ว่าเกิดการกักตุนมากน้อยเพียงใด และจะต้องดูแลไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลน” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว และว่าสำหรับไฟฟ้านั้นมีความกังวลเกี่ยวกับสำรองพร้อมใช้ในวันที่ 5 เม.ย. 56 ที่ต่ำเพียง 760 เมกะวัตต์จากที่ควรจะเป็น 1,200 เมกะวัตต์ที่อาจเสี่ยงไฟตก หรือดับเป็นบางพื้นที่กรณีการใช้ไฟเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่จากความร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรมในการร่วมมือกันประหยัดก็เชื่อว่าปัญหาไฟดับจะไม่เกิดขึ้น
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า จากการตรวจสอบร้านค้าแอลพีจีทั่วประเทศ ยืนยันว่าการจำหน่ายแอลพีจีเป็นไปตามปกติไม่ได้มีการไปกักตุนอะไรมากตามที่เป็นข่าวเนื่องจากแอลพีจีไม่ใช่สินค้าที่จะนำไปกองไว้ที่ใดง่ายๆ ก็ได้เพราะจะต้องบรรจุถังซึ่งประชาชนจะต้องจ่ายค่ามัดจำถังใหม่ ส่วนผู้ค้าเองก็จะต้องลงทุนซื้อถังใหม่สำรองใบละกว่า 2,000 บาทซึ่งไม่คุ้มพอที่จะไปกักตุนอะไรในขณะนี้
“ขณะนี้พบปริมาณถังก็ยังอยู่ในอัตราไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และที่สำคัญธพ.เองมีกฏหมายควบคุมร้านค้าแอลพีจีที่จะต้องสำรองไม่เกิน 1,200 กิโลกรัมต่อหนึ่งร้านค้าอยู่แล้ว ถ้าเกินก็ผิดกฎหมาย ผมว่าถ้าเขาจะตื่นข่าวน่าจะเป็นไฟดับมากกว่าแอลพีจีขาด” นายชิษณุพงศ์กล่าว