กรมขนส่งฯ เผยปัจจุบันมีรถใช้ก๊าซ LPG มากถึง 1.014 ล้านคัน เตือนเจ้าของรถที่ขอเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซ LPG ต้องผ่านการติดตั้งระบบและอุปกรณ์จากผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมขนส่งฯ เท่านั้น พร้อมทั้งต้องนำรถเข้ารับการตรวจ และทดสอบความปลอดภัยจากผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรถที่จดทะเบียนเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG จำนวน 1,014,089 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2556) ทั้งนี้ เฉพาะปี 2555 มีรถที่ขอเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 133,088 คัน โดยรถดังกล่าวเป็นรถที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว ว่าได้มีการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ จากผู้ติดตั้งระบบก๊าซ LPG ที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งได้ผ่านการตรวจและทดสอบความปลอดภัยจากผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยของรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิงแล้ว ซึ่งจะได้รับความปลอดภัยสูง ดังนั้น เจ้าของรถที่ประสงค์จะเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซ LPG ต้องติดตั้งกับผู้ติดตั้งที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น เพื่อความมั่นใจในขั้นตอนวิธีการติดตั้งที่ถูกต้อง ปลอดภัย และอุปกรณ์ที่ใช้ได้มาตรฐาน
เมื่อทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถจะต้องนำรถเข้ารับการตรวจและทดสอบความปลอดภัย กับผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง โดยตรวจสอบรายชื่อผู้ติดตั้ง หรือผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรม การขนส่งทางบกทางเว็บไซต์ www.dlt.go.th/ngv ก่อนนำรถเข้ารับบริการ จากนั้นจึงไปดำเนินการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ถูกต้อง ณ กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกใบรับรองการตรวจและทดสอบ
โดยนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ พร้อมหลักฐาน ได้แก่ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ถ้ามี), สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม, หนังสือรับรองการติดตั้งส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ และหนังสือรับรองการตรวจและทดสอบส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง กรณีไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง ต้องแนบหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจด้วย ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดมีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท สำหรับครั้งต่อไป ต้องนำรถเข้าตรวจและทดสอบเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบทุก 5 ปี นับแต่วันแจ้งการใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง
นายสมชัยกล่าวว่า เจ้าของรถที่เปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงโดยไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการขับขี่ จึงขอให้เจ้าของรถดำเนินการติดตั้ง และเข้ารับการตรวจและทดสอบจากผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก โทร. 0-2271-8604 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถาม 1584
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรถที่จดทะเบียนเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG จำนวน 1,014,089 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2556) ทั้งนี้ เฉพาะปี 2555 มีรถที่ขอเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 133,088 คัน โดยรถดังกล่าวเป็นรถที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว ว่าได้มีการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ จากผู้ติดตั้งระบบก๊าซ LPG ที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งได้ผ่านการตรวจและทดสอบความปลอดภัยจากผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยของรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิงแล้ว ซึ่งจะได้รับความปลอดภัยสูง ดังนั้น เจ้าของรถที่ประสงค์จะเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซ LPG ต้องติดตั้งกับผู้ติดตั้งที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น เพื่อความมั่นใจในขั้นตอนวิธีการติดตั้งที่ถูกต้อง ปลอดภัย และอุปกรณ์ที่ใช้ได้มาตรฐาน
เมื่อทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถจะต้องนำรถเข้ารับการตรวจและทดสอบความปลอดภัย กับผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง โดยตรวจสอบรายชื่อผู้ติดตั้ง หรือผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรม การขนส่งทางบกทางเว็บไซต์ www.dlt.go.th/ngv ก่อนนำรถเข้ารับบริการ จากนั้นจึงไปดำเนินการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ถูกต้อง ณ กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกใบรับรองการตรวจและทดสอบ
โดยนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ พร้อมหลักฐาน ได้แก่ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ถ้ามี), สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม, หนังสือรับรองการติดตั้งส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ และหนังสือรับรองการตรวจและทดสอบส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง กรณีไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง ต้องแนบหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจด้วย ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดมีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท สำหรับครั้งต่อไป ต้องนำรถเข้าตรวจและทดสอบเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบทุก 5 ปี นับแต่วันแจ้งการใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง
นายสมชัยกล่าวว่า เจ้าของรถที่เปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงโดยไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการขับขี่ จึงขอให้เจ้าของรถดำเนินการติดตั้ง และเข้ารับการตรวจและทดสอบจากผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม สำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก โทร. 0-2271-8604 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถาม 1584
