กรมการขนส่งทางบกเผยปี 2555 จัดเก็บภาษีรถทั่วประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กว่า 18,000 ล้านบาท และเป็นรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยขนส่งทางบก กว่า 3,000 ล้านบาท
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ในปี 2555 กรมขนส่งฯ ได้จัดเก็บภาษีรถประจำปีจากรถทั่วประเทศได้ คิดเป็นเงิน 21,388,546,025 บาท โดยเป็นภาษีจากรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 18,356,311,257 บาท และเป็นภาษีจากรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 3,032,234,768 บาท โดยเป็นการจัดเก็บภาษีผ่านจุดรับชำระภาษีรถ ณ กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 14,796,952,976 บาท ผ่านช่องทางบริการ “เลื่อนล้อ ต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 2,290,465,055 บาท ผ่านห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์-อาทิตย์ (Shop Thru for Tax) จำนวน 326,992,791 บาท ผ่านโครงการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ จำนวน 621,002,299 บาท ผ่านทางธนาคารพาณิชย์ จำนวน 249,029,033 บาท ผ่านทางไปรษณีย์ จำนวน 41,465,901 บาท และผ่านช่องทางอื่นๆ ที่กรมการขนส่งทางบก เปิดให้บริการอีกกว่า 30 ล้านบาท
โดยปัจจุบันกรมการขนส่งฯได้ขยายช่องทางการรับชำระภาษีรถหลากหลายช่องทาง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมทั้งเปิดรับชำระภาษีรถ สำหรับรถที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. รถยนต์ และ พ.ร.บ.ขนส่งทางบกล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษี โดยหากเจ้าของรถรายใด มีความจำเป็นต้องหยุดใช้รถ ขอให้ติดต่อแจ้งการไม่ใช้รถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ
โดยใช้หลักฐานคู่มือจดทะเบียนรถ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน แผ่นป้ายทะเบียนรถ และแบบคำขอแจ้งการไม่ใช้รถ เมื่อมีความประสงค์ขอใช้รถต่อก็สามารถดำเนินการแจ้งขอใช้รถต่อได้โดยใช้หลักฐานเพิ่มคือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ทั้งนี้หากไม่ดำเนินการแจ้งขอหยุดใช้รถดังกล่าวเจ้าของรถต้องมีภาระในการชำระภาษีรถประจำปีอย่างต่อเนื่องหากไม่ชำระจะมีความผิดตามกฎหมาย โดยหากไม่ชำระภาษีเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับทันที สอบถามรายละเอียดที่ สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ หรือ Call Center 1584
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ในปี 2555 กรมขนส่งฯ ได้จัดเก็บภาษีรถประจำปีจากรถทั่วประเทศได้ คิดเป็นเงิน 21,388,546,025 บาท โดยเป็นภาษีจากรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ 18,356,311,257 บาท และเป็นภาษีจากรถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 3,032,234,768 บาท โดยเป็นการจัดเก็บภาษีผ่านจุดรับชำระภาษีรถ ณ กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 14,796,952,976 บาท ผ่านช่องทางบริการ “เลื่อนล้อ ต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 2,290,465,055 บาท ผ่านห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์-อาทิตย์ (Shop Thru for Tax) จำนวน 326,992,791 บาท ผ่านโครงการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ จำนวน 621,002,299 บาท ผ่านทางธนาคารพาณิชย์ จำนวน 249,029,033 บาท ผ่านทางไปรษณีย์ จำนวน 41,465,901 บาท และผ่านช่องทางอื่นๆ ที่กรมการขนส่งทางบก เปิดให้บริการอีกกว่า 30 ล้านบาท
โดยปัจจุบันกรมการขนส่งฯได้ขยายช่องทางการรับชำระภาษีรถหลากหลายช่องทาง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมทั้งเปิดรับชำระภาษีรถ สำหรับรถที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. รถยนต์ และ พ.ร.บ.ขนส่งทางบกล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษี โดยหากเจ้าของรถรายใด มีความจำเป็นต้องหยุดใช้รถ ขอให้ติดต่อแจ้งการไม่ใช้รถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ
โดยใช้หลักฐานคู่มือจดทะเบียนรถ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน แผ่นป้ายทะเบียนรถ และแบบคำขอแจ้งการไม่ใช้รถ เมื่อมีความประสงค์ขอใช้รถต่อก็สามารถดำเนินการแจ้งขอใช้รถต่อได้โดยใช้หลักฐานเพิ่มคือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ทั้งนี้หากไม่ดำเนินการแจ้งขอหยุดใช้รถดังกล่าวเจ้าของรถต้องมีภาระในการชำระภาษีรถประจำปีอย่างต่อเนื่องหากไม่ชำระจะมีความผิดตามกฎหมาย โดยหากไม่ชำระภาษีเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับทันที สอบถามรายละเอียดที่ สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ หรือ Call Center 1584