xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริต” เพิ่ม 7 คดีพิเศษ เล็งลงตรวจแฟลต ตร.-ยันทำตามหลักฐานคดีสองแกนนำ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อธิบดีดีเอสไอแถลงรับ 7 คดีเป็นคดีพิเศษเพิ่ม พร้อมลงพื้นที่สอบปมฮั้วสร้างแฟลต ตร.-ยันทำคดี “มาร์ค-เทพ” ตรงไปตรงมา ชี้ถูกฟ้องกลับเรื่องเท็จ ย้ำดูที่หลักฐานฟ้องแก๊งแดงเช่นกัน ลั่นเรื่องส่วนตัวไม่ฟ้องกลับ หวั่นผู้ต้องหาเอาอย่างฟ้องกลับ จนท.

วันนี้ (30 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ถึงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ว่า บอร์ด กคพ.วันนี้มีมติรับคดีพิเศษเพิ่มเติม 7 คดี ประกอบด้วย 1. กรณีนายองอาจ รอดประดิษฐ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ขณะทำการจับกุม 2. กรณีกรมการศาสนาขอให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบกิจการรับจัดบริการขนส่งในกิจการฮัจญ์ ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย อนุญาตให้เป็นผู้ประกอกิจการรับบริการขนส่งในกิจการฮัจญ์ที่ได้กระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ 2524 กฎกระทรวงและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

นายธาริตกล่าวต่อว่า 3. กรณีลานมันของบริษัท พลาย พาโชค ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และมีพฤติการณ์สวมสิทธิเกษตรกรโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2554/2555 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และบุรีรัมย์ 4. กรณีบริษัทเอกชนซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือตัวแทนเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย หรืออัลฟ่า 6 และจีที 200 ซึ่งมีพฤติการณ์ฉ้อโกงหรือลวงขายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยไม่มีคุณภาพตามที่กล่าวอ้างกับหน่วยงานรัฐ เนื่องจากมีหน่วยงานเข้าร้องทุกข์เพิ่มเติม 5. กรณีลักลอบจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวข้ามประเภท และบรรจุก๊าซในถังบรรจุก๊าซหุงต้มที่มีเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นไม่ได้รับอนุญาตของห้างหุ้นส่วนจำกัด รุ่งพิทักษ์ปิโตรเลียม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 6. กรณีหลอกลวงว่ามีโควตาน้ำตาลทรายจำหน่ายเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร และ 7. กรณีการออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 14479 ม.1 ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

นายธาริตกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นตรวจสอบการก่อสร้างแฟลตตำรวจว่า ดีเอสไอมีข้อมูลแล้วบางส่วนและจะลงพื้นที่ตรวจสอบแฟลต 4 แห่ง สภ.เมืองภูเก็ต สภ.ทุ่งทอง สภ.กระทู้ และสภ.เมืองกระบี่

อธิบดีดีเอสไอยังแถลงเปิดใจและชี้แจงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในคดีเหตุรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 โดยระบุว่าคำฟ้องไม่เป็นความจริง พนักงานสอบสวนทำหน้าที่ตรงไปตรงมา การแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลเป็นผลสืบเนื่องมาจากการไต่สวนของศาลอาญา โดยผลของการสอบสวนระบุว่า นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการบังคับบัญชาศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการให้ทหาร 50,000 นายเข้าปฏิบัติการโดยใช้อาวุธ โดยมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรถึง 5 ครั้ง แม้ว่าประธานวุฒิสภาจะออกมายืนยันว่าผลการเจรจากับนปช.มีข้อยุติแล้วว่า นปช.จะยุติการชุมนุมโดยแจ้งให้บุคคลทั้งสองทราบแล้วแต่ก็ยังมีคำสั่งให้ทหารปฏิบัติการต่อไปจนเกิดความสูญเสียอย่างมาก

“ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอไม่ได้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองเท่านั้น แต่ได้ฟ้องร้องฮาร์ดคอร์ นปช.เป็นจำเลยต่อศาลถึง 295 คน จึงถือเป็นการดำเนินคดีโดยเสมอภาค” นายธาริตกล่าว

นายธาริตกล่าวอีกว่า แม้คำฟ้องจะเข้าข่ายการฟ้องเท็จแต่ได้หารือกับจำเลยรวมอีก 3 คนแล้วว่าจะไม่ใช่สิทธิฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จ เพราะถูกฟ้องจากการปฏิบัติหน้าที่จึงจะไม่ดำเนินการใดๆ ให้คดีกลายเป็นเรื่องส่วนตัว คดีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาแล้วถูกตอบโต้รุนแรง พฤติการณ์เช่นนี้อาจเทียบเคียงว่าเป็นการปฏิเสธการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และการที่พนักงานสอบสวนถูกฟ้องเป็นจำเลย อาจเป็นแบบอย่างให้ผู้ต้องหาคดีอื่นเอาเป็นแบบอย่างในการกดดันเจ้าหน้าที่








กำลังโหลดความคิดเห็น