ASTVผู้จัดการรายวัน-“พงษ์ศักดิ์”ลุยไฟ ลั่นเดินหน้าปรับโครงสร้างแอลพีจีปี 2556 ยันเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ไม่สนใครจะคัดค้าน กบง.เคาะปรับเกณฑ์ช่วยกลุ่มคนมีรายได้ต่ำภาคครัวเรือนใหม่ยึดใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนจากเดิมไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนทำให้ครัวเรือนที่จะได้รับการช่วยเพิ่มเป็น 8.33 ล้านราย ขณะที่ร้านค้า หาบเร่ 5 แสนราย
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (19 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ในปี 2556 เพราะจะเป็นการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างแท้จริง เนื่องจากจะยังอุดหนุนให้กับครัวเรือนผู้มีรายได้ต่ำและร้านค้าหาบเร่ แผงลอย ไม่ใช่อุดหนุนทุกส่วนแล้วดึงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่คนใช้น้ำมันจ่ายมาอุ้ม เพราะไม่เพียงคนไทยและยังอุ้มประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าไทยมาก
“ราคาที่ไม่ได้สะท้อนความจริง ยังเป็นการอุดหนุนคนของประเทศเพื่อนบ้านและตลาดมืดที่คนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ เพราะมีกองทัพมดขนไปขายตามชายแดน เช่นเดียวกับการใช้ภาคขนส่งเอง คนมีรถก็ไม่ได้จัดว่าคนรวยอะไร ตรงกันข้ามเมื่อกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งปีนี้เฉลี่ยอุดหนุน 3 หมื่นล้านบาท ก็จะใช้เงินลดลง ทำให้ไม่ต้องไปเก็บจากคนใช้นำมันเหมือนขณะนี้ โอกาสน้ำมันปรับลดก็จะมากขึ้น ผมคิดว่าผมมีหน้าที่ชี้แจงประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ไปโต้เถียงกับใคร ส่วนใครจะฟ้องหรือจะต่อต้านเป็นเรื่องของเขา”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ กบง.ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำและร้านค้าหาบเร่ แผงลอย เพื่อลดผลกระทบการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี โดยภาคครัวเรือนให้อิงฐานผู้ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนเป็นไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะทำให้มีผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มจาก 3.6 ล้านรายเป็น 8.33 ล้านราย ส่วนกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร กำหนดการช่วยเหลือไว้ที่ 500,000 ราย แต่ให้คณะอนุกรรมการบรรเทาผลกระทบการขึ้นแอลพีจีที่มีปลัดกระทรวงพลังงานที่ได้แต่งตั้งแล้วไปจัดทำฐานข้อมูลให้ละเอียดอีกครั้ง
สำหรับฐานข้อมูลการอิงจากผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นไม่เกิน 90 หน่วย เนื่องจากคนเมืองที่อาศัยคอนโดใช้ไฟต่ำ เพราะไม่ได้หุงหาอาหารหรือทำกิจกรรมมากนัก ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นคนจนอย่างแท้จริง ตรงกันข้ามกลับพบว่าผู้ที่อยู่ในชุมชนแออัดกลับใช้ไฟเฉลี่ยเกิน 70 หน่วยต่อเดือนด้วยซ้ำเพราะอยู่กันหลายคน
“ที่ประชุมได้อนุมัติงบในการไปจ้างการสำรวจ 50 ล้านบาท และให้เวลาคณะทำงานไปรวบรวมข้อมูลให้ชัดภายใน 60 วัน หลังจากนั้น เมื่อมีฐานข้อมูลครบและกำหนดมาตรการทั้งหมดแล้ว เราจึงจะประกาศปรับราคาแอลพีจี จึงบอกไม่ได้ว่าจะเป็นเดือนไหนแน่ ส่วนการช่วยเหลือภาคครัวเรือนจะช่วย 6 กิโลกรัมต่อครัวเรือน และร้านค้าไม่เกิน 150 กก.ต่อเดือนเช่นเดิม ส่วนรูปแบบจะจ่ายเงินอย่างไรก็ต้องรอผลศึกษาก่อนด้วย”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าการปรับราคาแอลพีจีของรัฐบาลจะมีผลช่วงก.พ.-มี.ค.2556 โดยครัวเรือนจะปรับขึ้นอีก 6 บาทต่อกก. จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกก. ไปอยู่ที่ 24.82 บาทต่อกก. โดยจะใช้วิธีทยอยขึ้นเดือนละ 50 สต./กก. และขนส่งก็จะปรับขึ้นไปอยู่ในอัตราเท่าครัวเรือน คาดว่าการดูแลภาคครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำจะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ สนับสนุนเฉลี่ย 5,942 ล้านบาทต่อปี
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (19 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ในปี 2556 เพราะจะเป็นการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างแท้จริง เนื่องจากจะยังอุดหนุนให้กับครัวเรือนผู้มีรายได้ต่ำและร้านค้าหาบเร่ แผงลอย ไม่ใช่อุดหนุนทุกส่วนแล้วดึงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่คนใช้น้ำมันจ่ายมาอุ้ม เพราะไม่เพียงคนไทยและยังอุ้มประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าไทยมาก
“ราคาที่ไม่ได้สะท้อนความจริง ยังเป็นการอุดหนุนคนของประเทศเพื่อนบ้านและตลาดมืดที่คนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ เพราะมีกองทัพมดขนไปขายตามชายแดน เช่นเดียวกับการใช้ภาคขนส่งเอง คนมีรถก็ไม่ได้จัดว่าคนรวยอะไร ตรงกันข้ามเมื่อกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งปีนี้เฉลี่ยอุดหนุน 3 หมื่นล้านบาท ก็จะใช้เงินลดลง ทำให้ไม่ต้องไปเก็บจากคนใช้นำมันเหมือนขณะนี้ โอกาสน้ำมันปรับลดก็จะมากขึ้น ผมคิดว่าผมมีหน้าที่ชี้แจงประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ไปโต้เถียงกับใคร ส่วนใครจะฟ้องหรือจะต่อต้านเป็นเรื่องของเขา”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ กบง.ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำและร้านค้าหาบเร่ แผงลอย เพื่อลดผลกระทบการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี โดยภาคครัวเรือนให้อิงฐานผู้ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนเป็นไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะทำให้มีผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มจาก 3.6 ล้านรายเป็น 8.33 ล้านราย ส่วนกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร กำหนดการช่วยเหลือไว้ที่ 500,000 ราย แต่ให้คณะอนุกรรมการบรรเทาผลกระทบการขึ้นแอลพีจีที่มีปลัดกระทรวงพลังงานที่ได้แต่งตั้งแล้วไปจัดทำฐานข้อมูลให้ละเอียดอีกครั้ง
สำหรับฐานข้อมูลการอิงจากผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นไม่เกิน 90 หน่วย เนื่องจากคนเมืองที่อาศัยคอนโดใช้ไฟต่ำ เพราะไม่ได้หุงหาอาหารหรือทำกิจกรรมมากนัก ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นคนจนอย่างแท้จริง ตรงกันข้ามกลับพบว่าผู้ที่อยู่ในชุมชนแออัดกลับใช้ไฟเฉลี่ยเกิน 70 หน่วยต่อเดือนด้วยซ้ำเพราะอยู่กันหลายคน
“ที่ประชุมได้อนุมัติงบในการไปจ้างการสำรวจ 50 ล้านบาท และให้เวลาคณะทำงานไปรวบรวมข้อมูลให้ชัดภายใน 60 วัน หลังจากนั้น เมื่อมีฐานข้อมูลครบและกำหนดมาตรการทั้งหมดแล้ว เราจึงจะประกาศปรับราคาแอลพีจี จึงบอกไม่ได้ว่าจะเป็นเดือนไหนแน่ ส่วนการช่วยเหลือภาคครัวเรือนจะช่วย 6 กิโลกรัมต่อครัวเรือน และร้านค้าไม่เกิน 150 กก.ต่อเดือนเช่นเดิม ส่วนรูปแบบจะจ่ายเงินอย่างไรก็ต้องรอผลศึกษาก่อนด้วย”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าการปรับราคาแอลพีจีของรัฐบาลจะมีผลช่วงก.พ.-มี.ค.2556 โดยครัวเรือนจะปรับขึ้นอีก 6 บาทต่อกก. จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกก. ไปอยู่ที่ 24.82 บาทต่อกก. โดยจะใช้วิธีทยอยขึ้นเดือนละ 50 สต./กก. และขนส่งก็จะปรับขึ้นไปอยู่ในอัตราเท่าครัวเรือน คาดว่าการดูแลภาคครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำจะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ สนับสนุนเฉลี่ย 5,942 ล้านบาทต่อปี
