สยามแก๊สฯ หรือ SGP คาดยอดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในตลาดต่างประเทศปีนี้โตอีก 50% หลังปิดดีลซื้อธุรกิจในมาเลเซีย และรับมอบธุรกิจในเวียดนามเสร็จสิ้น ดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศแซงรายได้ในประเทศ ยันพร้อมลุยต่างประเทศต่อเนื่อง ประกาศเป้ารายได้ปีนี้โตอีก 20% สู่ระดับ 60,000 ล้านบาท
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้ประกอบธุรกิจ LPG อย่างครบวงจร และเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของ SGP ในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากธุรกิจในตลาดต่างประเทศจะเติบโตขึ้นมาก อันเป็นผลจากการขยายการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกก๊าซแอลพีจีในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งได้แก่ ในตลาดเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ขยายลงทุนในประเทศเวียดนามเพิ่มเติมทั้งตอนเหนือ และตอนใต้ และล่าสุด ได้รับมอบกิจการจาก SHELL แล้ว ซึ่งคาดว่าจะดันยอดขายเพิ่มอีก 50,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ ยังได้เร่งปิดโอนโปรเจกต์ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไม่ช้า ส่งผลให้ SGP กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในรายใหญ่มาเลเซียตะวันออก ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายเพิ่มขึ้นอีกราวปีละ 100,000 ตัน
“การซื้อธุรกิจในเวียดนาม และมาเลเซียนี้ จะทำให้เราสามารถสร้างยอดขายจากตลาดค้าส่ง และค้าปลีกก๊าซแอลพีจีใน 2 ประเทศนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่า ยอดขายทั้งค้าปลีก และค้าส่งขนาดใหญ่ในตลาดต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ซึ่งจะมีผลต่อสัดส่วนรายได้ของสยามแก๊ส ซึ่งปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ภายในประเทศกับต่างประเทศ อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ต่อ 50 ก็จะเพิ่มส่วนของต่างประเทศเป็นร้อยละ 60 และในประเทศลดเหลือร้อยละ 40” นายศุภชัยกล่าว
โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้วางแผนยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระยะยาว โดยหวังจะใช้คลังก๊าซในจีนที่เมืองจูไห่ เมืองซัวเถา และคลังลอยน้ำ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สร้างความได้เปรียบในการนำเข้า และส่งออกก๊าซแอลพีจีไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา ส่งผลให้สยามแก๊สเป็นที่ยอมรับ และมีลูกค้าที่ซื้อขายแบบมีสัญญาแน่นอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคลังดังกล่าวยังมีส่วนในการสนันสนุนธุรกิจค้าปลีกบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนด้านซัปพลายเชน เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
“จากยุทธศาสตร์เชิงรุกของเรา ทำให้ธุรกิจต่างประเทศของ SGP มีความเข้มแข็งมากขึ้น ทำให้เราก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีรายใหญ่ในรูปแบบค้าส่งและค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกแบบครบวงจร ที่มีทั้งคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลวขนาดใหญ่ ระบบการขนส่งก๊าซทั้งทางบก และทางทะเล และเครือข่ายการจัดจำหน่าย ซึ่งเราคาดว่าธุรกิจค้าปลีกแอลพีจีในแต่ละประเทศเมื่อรวมกับธุรกิจนำเข้าเพื่อส่งออกในต่างประเทศจะทำยอดจำหน่ายก๊าซเติบโตมากกว่าครึ่งในปีนี้” นายศุภชัยกล่าว
ขณะที่ส่วนภาพรวมการทำตลาดก๊าซแอลพีจีในประเทศนั้น บริษัทฯ ยังเดินหน้ารุกทำตลาดเพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทั้งในภาคครัวเรือน อุตสาหกรรม และขนส่งที่มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง
“จากภาพรวมการดำเนินงานในปี 2556 ที่สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในด้านการทำตลาดทั้งต่างประเทศ และในประเทศดังกล่าว บริษัทฯ จึงคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ถึง 60,000 ล้านบาท เพิ่มกว่าร้อยละ 20 จากปี 2555 โดยคิดเป็นสัดส่วนจากการขายในประเทศร้อยละ 40 และต่างประเทศร้อยละ 60” นายศุภชัยกล่าว