นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า ก๊าซแอลพีจีในประเทศไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน เนื่องจากโรงแยกก๊าซในภาคตะวันออก ยังสามารถเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบจากการหยุดจ่ายก๊าซของพม่า ขณะที่การสำรองแอลพีจีอยู่ในระดับสูง จึงไม่ขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานไปตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซ และร้านจำหน่าย รวมถึงสถานีบริการแอลพีจี ไม่ให้มีการฉวยโอกาสกักตุนแอลพีจีในช่วงนี้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และกักตุนก๊าซเพราะเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวของคนบางกลุ่มที่ไม่หวังดี
ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี จะไม่ขาดแคลนเช่นกัน เพราะกระทรวงพลังงานเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว แต่อาจกระทบกับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ทำให้มีปัญหาไฟตกไฟดับในบางพื้นที่ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ หลังได้รับความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมที่จะลดกำลังการผลิตสินค้า เพื่อช่วยประหยัดไฟในวันที่ 5 เมษายนนี้ รวมถึงความร่วมมือของภาคประชาชน และข้าราชการที่จะลดการการใช้ไฟฟ้าลง
ส่วนกรณีที่พม่าอาจต้องเลื่อนการหยุดซ่อมท่อก๊าซออกไปจากแผนเดิมที่กำหนดเสร็จ ในวันที่ 14 เมษายน นายพงษ์ศักดิ์ คาดว่า การเลื่อนซ่อมท่อก๊าซของพม่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์ และไม่มีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า เพราะว่ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าความต้องการใช้อยู่มาก
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวกระทรวงพลังงานจะต้องพยายามกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิง เพื่อลดการพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ70 โดยจะมุ่งไปที่เชื้อเพลิงจากก๊าซชีวภาพ ถ่านหิน และน้ำ ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการนานถึง 5 ปี และคงจะต้องมีการทบทวนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือพีดีพี 2013
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานไปตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซ และร้านจำหน่าย รวมถึงสถานีบริการแอลพีจี ไม่ให้มีการฉวยโอกาสกักตุนแอลพีจีในช่วงนี้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และกักตุนก๊าซเพราะเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวของคนบางกลุ่มที่ไม่หวังดี
ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี จะไม่ขาดแคลนเช่นกัน เพราะกระทรวงพลังงานเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว แต่อาจกระทบกับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ทำให้มีปัญหาไฟตกไฟดับในบางพื้นที่ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ หลังได้รับความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมที่จะลดกำลังการผลิตสินค้า เพื่อช่วยประหยัดไฟในวันที่ 5 เมษายนนี้ รวมถึงความร่วมมือของภาคประชาชน และข้าราชการที่จะลดการการใช้ไฟฟ้าลง
ส่วนกรณีที่พม่าอาจต้องเลื่อนการหยุดซ่อมท่อก๊าซออกไปจากแผนเดิมที่กำหนดเสร็จ ในวันที่ 14 เมษายน นายพงษ์ศักดิ์ คาดว่า การเลื่อนซ่อมท่อก๊าซของพม่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์ และไม่มีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า เพราะว่ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าความต้องการใช้อยู่มาก
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวกระทรวงพลังงานจะต้องพยายามกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิง เพื่อลดการพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ70 โดยจะมุ่งไปที่เชื้อเพลิงจากก๊าซชีวภาพ ถ่านหิน และน้ำ ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการนานถึง 5 ปี และคงจะต้องมีการทบทวนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือพีดีพี 2013
