- สเปนให้ประมูลพันธบัตรอายุ 3, 5 และ 13 ปีได้ครบวงเงินรวม 4.6พันล้านยูโรด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงโดยรุ่น 3 ปี อยู่ที่เฉลี่ย 2.247% ลดลงจาก2.792% รุ่น 5 ปี อยู่ที่เฉลี่ย 2.789% ลดลงจาก 3.257% และรุ่น 13 ปี อยู่ที่เฉลี่ย 4.336% ลดลงจาก 5.555%
- รายงานประจำเดือนของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนในระดับต่ำทำให้ECBลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกับต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงน่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวในปีนี้ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ECB จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกแล้วในปีนี้แม้ว่าประธาน ECB จะเคยกล่าวว่าพร้อมจะลดอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 0.7% จาก 0.9% ในเดือนก่อน โดยอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 50 ปี ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าและก๊าซเพิ่มขึ้น 2.4%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่4 พ.ค.ลดลง 4,000 มาอยู่ที่ 323,000 รายตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 335,000 ราย ทั้งนี้การปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3สัปดาห์มาสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยืนอยู่ระดับต่ำกว่า350,000 ราย ซึ่งเป็นระดับที่นักวิเคราะห์มองว่าสะท้อนถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
- การจ้างงานของออสเตรเลียในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 50,100 ตำแหน่งจากเดือนก่อน (เดือนมี.ค.หดตัว 31,100 ตำแหน่ง) ทำให้อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 5.5% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างมากทั้งนี้ความผันผวนที่สูงมากเกิดจากเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงจากการส่งออกแร่และทรัพยากรธรรมชาติไปสู่การผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก
- อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือน เม.ย.อยู่ที่2.4% เพิ่มขึ้นจาก 2.1% ในเดือนก่อน เนื่องจากราคาอาหารปรับขึ้น4.0% จากเดือนก่อนที่เป็น 2.7% ซึ่งการที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่กำหนด 3.5%จะช่วยให้รัฐบาลจีนอัดฉีดงบลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น ทั้งนี้ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือนเม.ย.เท่ากับ -2.6% จาก -1.9%ในเดือนก่อน เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ
- ยอดขายรถยนต์ทุกประเภทของจีนในเดือน เม.ย.เท่ากับ 1.84 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 13% จากยอดขายรถ SUV ที่สูงขึ้น46% เป็น 228,000 คัน และยอดขายรถซีดาน 977,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% อันเป็นผลของการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อนึ่งการที่ความต้องการรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 25% นับตั้งแต่ปี 2549 ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีตลาดรถยนต์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว
- กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังเปิดเผยว่า ยังไม่พบสัญญาณการเกิดฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากความต้องการซื้อและขายของตลาดยังสอดคล้องกันทำให้แรงซื้อที่เข้ามาเป็นความต้องการที่แท้จริงไม่ใช่การเก็งกำไร แต่เป็นห่วงเรื่องการขาดแคลนแรงงานซึ่งได้ประสานกับ ก.แรงงาน เพื่อจัดหาแรงงานทั้งไทยและต่างด้าวให้กับผู้ประกอบการแล้ว
- ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือหนึ่งในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนแต่ก็ต้องดูแลสมดุลของเศรษฐกิจในประเทศประกอบด้วยและยืนยันว่า ค่าเงินบาทในขณะนี้ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค
- SETIndex ปิดที่ 1,621.12 จุด เพิ่มขึ้น 6.97 จุด หรือ 0.43% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52,166.21 ล้านบาทโดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาดรวมทั้งการเริ่มเปิดให้บริการระบบ 3G ของผู้ประกอบการทำให้หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวขึ้น2.06%
- ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ปิดที่ 1,980.13 จุดเพิ่มขึ้น 23.68 จุด หรือ +1.21% ตอบรับข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงของธนาคารกลางเกาหลีใต้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง0.25% เป็น 2.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการส่งออกชะลอตัวลงจากผลกระทบของเงินเยนที่อ่อนค่าโดยเป็นธนาคารกลางแห่งที่ 4ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้หลังจากธนาคารกลางยุโรป อินเดีย และออสเตรเลียลดมาก่อนหน้านี้แล้ว
- อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง -0.05% ถึง -0.01% จากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมกนง.ในวันที่ 29 พ.ค. หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้กลายเป็นธนาคารกลางแห่งที่4 ที่ปรับอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้ สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 14 วัน มูลค่า 30,000 ล้านบาท
- ธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% และคงมาตรการ QE ที่วงเงิน 3.75 แสนล้านปอนด์โดยเจ้าหน้าที่บางคนของธนาคารกลางได้กังวลว่าการใช้มาตรการQE เพิ่มเติมอาจจะฉุดสกุลเงินปอนด์ให้อ่อนค่าลงอีก
- NourielRoubini
“ตลาดหุ้นจะอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อไปอีก 1 - 2 ปี เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากนโยบายของ ประเทศต่างๆ เช่น มาตรการ QE อัตราดอกเบี้ยระดับ 0% และเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาด อย่างต่อเนื่อง แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ตลาดให้ราคาไว้ดังนั้น ตลาดขาขึ้นจะต้องจบลงในอนาคตและจะตามมาด้วยการปรับตัวลงครั้งใหญ่และรุนแรงกว่าช่วงวิกฤติปี 2008