ศาลปกครองกลางยกคำร้อง กทพ.กรณีขอเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และสั่งให้ กทพ.จ่ายชดเชยรายได้ค่าผ่านทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ให้ NECL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BECL กว่า 1.7 พันล้าน พร้อมดอกเบี้ย กรณีมีทางด่วนแข่งขันทำให้รายได้ไม่ถึงประมาณการ ด้าน กทพ.เตรียมยื่นอุทธรณ์ “วิเชียร” ชี้ขั้นตอนยังไม่สิ้นสุด เผย 17 พ.ค.นี้บอร์ด กทพ.เคาะค่าผ่านทางด่วนอัตราใหม่
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2556 บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดง ที่ 705/2556 ระหว่างบริษัทย่อยกับคู่สัญญา โดยบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด หรือ NECL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้แจ้งต่อ BECL ว่า เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกคำร้องของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ที่ให้ กทพ.ชำระเงินชดเชยรายได้ของทางพิเศษอุดรรัถยา (สายบางปะอิน-ปากเกร็ด) ที่ลดลงจากประมาณการตามสัญญาให้แก่ NECL เนื่องจากมีการอนุญาตให้ก่อสร้างเส้นทางที่มีลักษณะแข่งขันกับสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด
โดย กทพ.ได้ทำหนังสือถึง NECL ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2554 NECL จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
ทั้งนี้ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 กทพ.ต้องชำระเงินค่าชดเชยรายได้ให้แก่ NECL สำหรับปี 2542 จำนวน 730.80 ล้านบาท และปี 2543 จำนวน 1,059.20 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ซึ่งตามขั้นตอน กทพ.สามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางได้ภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2556
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. กล่าวว่า โดยหลักการและขั้นตอนตามกฎหมาย กทพ.ต้องยื่นอุทธรณ์แน่นอน โดยจะปรึกษาอัยการสูงสุดก่อน พร้อมกันนี้จะนำเรื่องหารือในที่ประชุมบอร์ด กทพ.วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่า กทพ.และ BECL มีข้อพิพาทกันหลายเรื่อง แต่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และไม่นำข้อพิพาทต่างๆ มาเป็นเงื่อนไขต่อรองในการพิจารณาเพื่อต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนที่จะครบอายุในปี 2563 ให้กับ BECL แน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นคนละประเดินที่ไม่สามารถนำมาต่อรองร่วมกันได้แล้ว ยังไม่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย และ กทพ.เองจะถูกมองว่าเอื้อประโยชน์กับเอกชนได้
“กรณีศาลปกครองกลางชี้เรื่องทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ยังไม่สิ้นสุด กทพ.ต้องยื่นอุทธรณ์แน่นอน และเมื่อศาลปกครองสูงสุดชี้ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ส่วนข้อพิพาทต่างๆ ระหว่าง กทพ.กับ BECL นั้นจะดำเนินตามขั้นตอนตามกฎหมายจนถึงที่สิ้นสุด จะไม่นำรวมกับการพิจารณาเรื่องสัญญาสัมปทานทางด่วนเพราะเป็นคนละเรื่องกัน ที่สำคัญ คือตอนนี้คดียังไม่สิ้นสุด สุดท้าย กทพ.อาจจะชนะก็ได้ถ้าไปเอามาเป็นเงื่อนไขต่อรองจะมีปัญหาได้” พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
สำหรับการพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนในเดือนกันยายน 2556 ตามสัญญานั้น พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาการปรับค่าผ่านทางจะเสนอกรอบอัตราค่าผ่านทางใหม่เพื่อขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมบอร์ด กทพ.วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ก่อนจะเจรจากับ BECL ซึ่งการปรับค่าผ่านทางทุก 5 ปี เป็นไปตามที่สัญญากำหนดและเป็นอำนาจของบอร์ด กทพ.ตามกฎหมาย โดยหลังได้ข้อสรุปจะรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบเพื่อประกาศใช้อัตราค่าผ่านทางใหม่ต่อไป