บล.กรุงศรี จำกัด (KSS) วิเคราะห์แนวโน้ม BECL ปริมาณจราจรเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1/56 ที่ยังสูงขึ้นและเติบโต 3 ไตรมาสติดต่อกัน จากปริมาณรถยนต์จดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น พร้อมปรับขึ้นค่าผ่านทางในเดือนกันยายน คาดผลประกอบการปี 56-57 เฉลี่ยปีละ 31% เหมาะสำหรับทยอยสะสมเกินกว่า 12 เดือน แนะนำถือระยะยาว
บล.กรุงศรี จำกัด (KSS) วิเคราะห์แนวโน้ม บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL ว่ามีปริมาณจราจรเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1/56 ที่ 1.12 ล้านคันต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.9%ในอัตราเฉลี่ยไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้น 2.1% ในอัตราเฉลี่ยปีต่อปี สูงเป็นประวัติการณ์ และเติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยต่อคันอยู่ ที่ 20.96 บาท เพิ่มขึ้น 7.2% ในอัตราเฉลี่ยไตรมาสต่อไตรมาส และ 7.8% ในอัตราเฉลี่ยปีต่อปี สูงสุดตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/54 และเติบโตต่อเนื่องติดต่อกัน คาดการเติบโตของปริมาณจราจรเฉลี่ยเป็นผลจากการเติบโตตามเศรษฐกิจ และปริมาณรถจดทะเบียนเขตกรุงเทพมหานครที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยยังเป็นผลจากการ ขยายตัวชุมชุม และเขตธุรกิจย่านชานเมือง สังเกตจากสัดส่วนรายได้จาก NECL (เส้นปากเกร็ด-บางปะอิน) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีจาก 8% ของรายได้รวมในปี 51 เป็น 13% ในปี 55 และคาดว่าทั้งปริมาณจราจรเฉลี่ย รวมถึงรายได้เฉลี่ยยังมีโอกาสทำสถิติใหม่ในช่วงที่เหลือของปี โดยการขยายตัวของชุมชุมบริเวณใกล้ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และปริมาณรถจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยหนุนปริมาณจราจร
ทั้งนี้ ประเมินว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางราว 11% ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ย.2556 จะเป็นปัจจัยหนุนรายได้เฉลี่ย คงประมาณการกำไรก่อนรายการพิเศษปี 56 และ 57 ที่ระดับ 1.92 และ 2.52 พันล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 31% คาดกำไรก่อนรายการพิเศษไตรมาสที่ 1/56 จะสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ระดับ 549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น74% ในอัตราเฉลี่ยไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้น 35% ในอัตราเฉลี่ยปีต่อปี การเติบโตก้าวกระโดดเป็นผลจากรายได้ค่าผ่านทางที่ 2.14 พันล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการประหยัด ขนาดเนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่รับรู้กำไรส่วนได้เสียราว 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 เท่าตัวในอัตราเทียบปีต่อปี ส่วนใหญ่มาจากบริษัทร่วม TTW ที่มีการเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนจาก 9% เป็น 24% ทำให้ต้องเปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีมาเป็นวิธีส่วนได้เสียตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/56 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการจะชอลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2/56 ตามปัจจัยฤดูกาล
โดยจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากปัจจัยฤดูกาล และการปรับค่า ผ่านทาง ซึ่งล่าสุด ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับค่าผ่านทางของการทางพิเศษแห่งประเทศ ไทย (กทพ.) ได้มีมติให้ปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทานระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กพท. กับ BECL จาก 45 เป็น 50 บาท ในเส้นทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ซึ่งหลังจากนี้จะมีการนำเรื่องเสนอต่อบอร์ด กทพ. วันที่ 18 เม.ย. โดยคาดค่าผ่านทางอัตราใหม่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป
