เผย 6 เรื่องน่าเป็นห่วงเจรจา FTA ไทย-อียู “โอฬาร” สั่งหัวหน้าทีมเจรจาแต่ละเรื่องไปหารือผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดท่าทีให้ชัดก่อน 15 พ.ค. เพื่อเตรียมเปิดโต๊ะเจรจาอียูนัดแรก 27-31 พ.ค.ที่บรัสเซลส์
นายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะเจรจาฯ ครั้งที่ 2 วานนี้ (25 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือความคืบหน้าในประเด็นต่างๆ หลังจากที่ได้มีการตั้งหัวหน้ากลุ่มเจรจา 14 กลุ่มไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีประเด็นที่เห็นว่าเป็นประเด็นอ่อนไหวและน่ากังวลที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศสรุปออกมาได้จำนวน 6 ประเด็น ซึ่งได้มอบหมายให้หัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มไปหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และสรุปท่าทีให้ได้ก่อนวันที่ 15 พ.ค. 2556 เพราะจะมีการประชุมครั้งแรกกับอียูในวันที่ 27-31 พ.ค. 2556 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
สำหรับ 6 ประเด็น ได้แก่ 1. ผลกระทบจากการยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่อียูจะตัดสิทธิไทยทั้งประเทศ จึงต้องมีการเจรจาเพื่อให้อียูลดภาษีในกรอบ FTA แทน 2. ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยา 3. การลดอัตราภาษีสินค้าเครื่องอื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ซึ่งต้องมีการกำหนดท่าทีให้ชัดเจน 4. กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยใช้อนุญาโตตุลาการ 5. การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และ 6. การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะมีการเจรจาในเรื่องแรงงานและสิ่งแวดล้อม
“ได้ขอให้คณะทำงานไปร่วมกันพิจารณากับผู้ที่เกี่ยวข้อง และให้ข้อคิดเห็นทั้งในเชิงกว้างและลึก พร้อมทั้งกำหนดว่าข้อมูลด้านใดยังมีไม่เพียงพอ และต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การจัดทำข้อคิดเห็น ก่อนเสนอให้คณะเจรจาฯ เพื่อใช้ประกอบการจัดทำท่าทีการเจรจา FTA ไทย-อียูต่อไป”
สำหรับประเด็นที่เหลืออีก 8 ประเด็น คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาและสามารถเจรจากันได้ ได้แก่ 1. การค้าสินค้า 2. กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 3. พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 4. มาตรการเยียวยาทางการค้า 5. อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า 6. มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 7. การค้าบริการ 8. การลงทุน
ทั้งนี้ คณะเจรจาฯ มั่นใจว่าแม้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการระหว่างกัน แต่ทุกกลุ่มเจรจามีความพร้อมและได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี โดยได้ศึกษาข้อตกลง FTA ที่อียูทำกับประเทศอื่นๆ เพื่อศึกษาท่าที จุดแข็งและจุดอ่อนของอียู รวมทั้งเตรียมการรุกและรับในการเจรจาในประเด็นต่างๆ กับทางอียู ซึ่งจนถึงขณะนี้สามารถพูดได้ว่ามีความพร้อมเป็นอย่างมาก
