“บีโอไอ” จับมือ “ออกซฟอร์ด บิซิเนส กรุ๊ป” จัดทำรายงานการวิจัยทางเศรษฐกิจ ประจำปี 2557 รวมทั้งศึกษาถึงโอกาสและลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อวางแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมของไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และศึกษาข้อมูลด้านเศรษฐกิจมหภาค โครงสร้างพื้นฐาน การธนาคารและการพัฒนาภาคการผลิตของประเทศ
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับออกซฟอร์ด บิซิเนส กรุ๊ป (Oxford Business Group) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดทำรายงานการวิจัยทางเศรษฐกิจระดับโลก เพื่อร่วมกันจัดทำรายงานประจำปี 2557 (The Report : Thailand 2014) ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น เศรษฐกิจมหภาค โครงสร้างพื้นฐาน การธนาคารและการพัฒนาภาคการผลิต รวมทั้งจะศึกษาถึงความสมดุลระหว่างความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ กับการชะลอตัวลงของการส่งออก เนื่องจากภาวะวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรป สถานการณ์หนี้ในสหรัฐฯ และการแข็งตัวของค่าเงินบาท โดยมีบริษัท จูส ลอว์ แอนด์ คอนซัลท์ให้ความช่วยเหลือในด้านการทำวิจัย
นายอุดมกล่าวด้วยว่า บีโอไอจะร่วมมือกับออกซฟอร์ด บิซิเนส กรุ๊ป สำรวจทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและโอกาสด้านการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลจากรายงานการวิจัยมาประกอบการศึกษาในการกำหนดทิศทางการส่งเสริมการลงทุน ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก
ด้าน มร.พอเลียส คุนซินาส (Mr. Paulius Kuncinas) บรรณาธิการฝ่ายภูมิภาค บริษัท ออกซฟอร์ด บิซิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า หลังจากที่ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจของโลกเริ่มคลี่คลายในปี 2556 ประเทศไทย ก็กลับมาเป็นประเทศที่น่าลงทุนและทำธุรกิจการค้ามากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงพึ่งพาภาคการผลิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบค่อนข้างง่ายจากความผันผวนของกำลังซื้อและความต้องการของตลาดโลก ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับธุรกิจภาคการบริการเพื่อช่วยให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน