xs
xsm
sm
md
lg

การลงทุนในตลาดของประเทศเกิดใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การลงทุนในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นประเทศใดในโลก เรียกได้ว่าไม่มีการลงทุนในประเทศใดเลยที่จะปลอดภัยและปราศจากความเสี่ยงไปทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่การลงทุนในกลุ่มของประเทศ Emerging Market อย่างไรก็ตาม หากนำไปพิจารณาเปรียบเทียบกับการลงทุนในประเทศที่มีขนาดของระบบเศรษฐกิจใหญ่แต่กำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ก็อาจถือได้ว่าการลงทุนในกลุ่มประเทศ Emerging Market ในช่วงเวลานี้มีความน่าสนใจ และน่าจะมีความปลอดภัย หรือมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วหลาย ๆ ประเทศ

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Emerging Market กันก่อนค่ะ Emerging Market หรือประเทศเกิดใหม่ หมายถึงประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองให้มีความเจริญก้าวหน้าเพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งในปัจจุบัน Emerging Market ประกอบไปด้วยประเทศในภูมิภาคต่างๆ รวมแล้วกว่า 20 ประเทศ เช่น ประเทศบราซิล ชิลี อาร์เจนตินา โปแลนด์ แอฟริกาใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน รวมถึงประเทศไทยด้วย

และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะชลอตัว โดยเฉพาะประเทศที่มีขนาดของระบบเศรษฐกิจค่อนข้างใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกาที่กำลังประสบกับปัญหา Fiscal Cliff หรือประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ที่ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะ รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่น ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะหดตัวนานกว่าที่นักลงทุนเคยคาดการณ์ไว้ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงระยะอันใกล้ ด้วยความไม่แน่นอนเหล่านี้ได้ส่งต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเริ่มมีการมองหาตลาดใหม่ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจมากกว่า ซึ่งก็คือ Emerging Market นั่นเอง

โดยที่จุดเด่นของประเทศในกลุ่ม Emerging Market คือ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ขณะที่หนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้แล้วประเทศในกลุ่ม Emerging Market ยังเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่มีผลดึงดูดให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในประเทศ Emerging Market มากที่สุด คืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วหลาย ๆ ประเทศ โดยจากข้อมูลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วอย่างเช่นสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.72% และประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.72% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปี ของประเทศในกลุ่ม Emerging Market เช่น ประเทศบราซิลอยู่ที่ 9.24 % ประเทศอินเดียอยู่ที่ 8.16% และประเทศแอฟริกาใต้อยู่ที่ 6.45% ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศในกลุ่ม Emerging Market เป็นที่น่าสนใจในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเช่นปัจจุบัน

ด้วยผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ บวกกับความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม Emerging Market จึงส่งผลให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนในกล่มประเทศ Emerging Market อย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศ ถือว่ามีความเสี่ยงทั้งในเรื่องของความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลในประเทศนั้นๆที่อาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่องของตลาด ซึ่งนักลงทุนเองไม่ควรมองข้าม

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ Emerging Market ที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างชาติประเทศหนึ่ง เนื่องจากมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยมีอุปสงค์ภายในประเทศสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นผลดีในการรักษาผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินได้ ในขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.57% ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนของประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้แล้ว ยอดการถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติในปัจจุบัน ที่ประมาณ 8% ของตราสารหนี้ทั้งตลาด ช่วยแสดงให้เห็นว่าตลาดตราสารหนี้ไทยยังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะยังคงดึงดูดให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่องค่ะ

สโรกาญจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์
ฝ่ายวิจัยและพัฒนาตลาด,ThaiBMA
sarokarn@thaibma.or.th


กำลังโหลดความคิดเห็น