แมงเม้าท์เล่าอินไซด์ มาแล้วจร้าาาาา ตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากลายเป็น สัปดาห์แห่งความหฤหรรษของคนลงทุน เพราะหุ้นวิ่งกระจายชนิดไม่มีเบรกเลยจริงๆ ตลาดปิดสัปดาห์ไปที่ 1598 จุด เฉียด 1600 จุด เข้าไปทุบสถิติ 19 ปีแทบทุกวันนนน ก็บอกว่าแล้วอิทธิผลของเม็ดเงินในตลาดโลกมันเยอะมาก
แถมสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีเรื่องราวการแต่งตั้งบุคคลสำคัญๆ ไม่ว่าสภาญี่ปุ่นที่เห็นชอบตั้ง "คุโรดะ" เป็นผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น ขณะที่ฝั่งจีนก้ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว โดย สี จิ้น ผิง คือผู้สูงสุดของแดนมังกร ขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติของจีนได้ลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ที่เสนอโดยนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติครั้งที่ 12 แล้ว ซึ่งประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง มนตรีแห่งรัฐ 5 ตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับตำแหน่งสำคัญๆ นายลู่ จีเหว่ย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และนายโจว เสี่ยวฉวน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนต่ออีกสมัย แสดงให้เห็นว่า แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะต้องใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มาตรการการเงินยังคงจะเข้มต่อไป เพราะ นายโจว เสี่ยวฉวน ก็ประกาศชัดแล้วว่า จะเข้มงวดไม่ให้เกิดฟองสบู่ต่อไป นับเป็นงานที่รัฐบาลชุดใหม่จีนต้องรักษาสเถียรภาพเศรษฐกิจ หลังจากที่กลุ่มของประธานาธิบดีคนเก่าเดินเกมกระตุ้นเศรษฐกิจจนผงาดขึ้นมาแล้ว
อยากให้จับตาดูด้านต่างประเทศนิดนึง เพราะ นายหยาง เจียฉี อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้รับแต่งตั้งให้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐ ด้านกิจการต่างประเทศ แทนนาย ไต้ ปิงกั๋ว โดยตำแหน่งดังกล่าวมีตำแหน่งเทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรีและอาวุโสกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ และให้ นายหวัง ยี่ อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทน ซึ่งก็ต้องบอกว่า นายหวัง ยี่ นับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการญี่ปุ่นและมีความสัมพันธ์กับแวดวงการเมืองญี่ปุ่น งานนี้ต้องจับตาว่า จะช่วยให้จีนปรับปรุงความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ที่กำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับหมู่เกาะเตียวหยู หรือหมู่เกาะเซนกากุ ในทะเลจีนตะวันออก ได้แค่ไหน
กลับเข้าสู่เรื่องราวทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นกันดีกว่า ไปที่ "ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก" ที่โชว์เจ๋งในสัปดาห์ผ่านมา ทั้งทุบสถิติสูงสูดตลอดกาล และสามารถทุบสถิติการบวกติดต่อกันได้ถึง 10 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติที่ปิดบวกต่อเนื่องาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2539 แต่น่าเสียดายที่วันศุกร์ที่ผ่านมา กลายเป็นวันแรกที่ตลดาหุ้นปิดลงซะอย่างนั้น โดยปิดที่ 14, 514.11 จุด ส่วนจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 14539.29 จุดที่ทำได้ในวันพฤหัสที่ 14 มีนาคม นั้น ให้จำได้ควรที่จะผ่านให้ได้ในอีก 1 สัปดาห์ถ้าคิดจะขึ้นต่อ ... ไม่เช่นนั้น...บรรดาคนที่กลัวความสูงเค้าจะไม่พอใจเทขายออกมาแรงๆ นะจ๊ะ
ตามหลักแล้วหุ้นที่ร้อนแรงยังสามารถร้อนแรงได้อีก แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะถ้าจับตาดูไปที่ ตลาดพันธบัตรของสหรัฐอเมริกา ที่อัตราผลตอบแทนเริ่มอ่อนแรงลงมาต่ำกว่า 2% แล้ว แสดงว่า นักลงทุนเริ่มที่จะไม่คิดละโมภ ทิ้งพันธบัตรไปเข้าหุ้น แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 2% ได้อีกหรือไม่ ให้จับตาดูไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 มี.ค. โดยเฟดมีแนวโน้ม ที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ ออกมาหรือไม่
ส่วนการประชุมอียู ซัมมิท ก็ต้องถกเครียดกว่า 10 ชั่วโมง ก่อนที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซน พร้อมไอเอ็มเอฟลงมติอนุมัติเงินช่วยเหลือไซปรัส มูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญยูโร (ราว 3.86 แสนล้านบาท) เพื่อให้รัฐบาลไซปรัสนำไปปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ภาคธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากการฟื้นฟูโครงสร้างหนี้ในกรีซเมื่อปีที่แล้ว นั้นทำให้ ไซปรัส กลายเป็นชาติที่ 5 ต่อจากกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน ที่ขอความช่วยเหลือจากยูโรโซน โดยขณะนี้รัฐบาลไซปรัสกำลังเร่งดำเนินการตามเงื่อนไขแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีในภาคธนาคาร
การให้เงินกู้ครั้งนี้ทำให้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ออก เตือนภาคการเงินการธนาคารของสหภาพยุโรป ยังเปราะบางและอันตราย หลังผลการประเมินเสถียรภาพของระบบการเงินรอบแรกแสดงให้เห็นว่าอียูยังคงมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ทั้งราคาทรัพย์สินที่ปรับลดอย่างต่อเนื่อง ความไม่เชื่อมั่นในตราสารหนี้และภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโดยรวม
แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซนยังมีมติขยายกำหนดระยะเวลาใช้หนี้ให้กับไอร์แลนด์และโปรตุเกส หลังสองประเทศสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขเงินช่วยเหลือของกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) ได้
ส่วนตลาดหุ้นไทยเองสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ให้ดูว่า 1596 จุดจะผ่านพ้นไปได้สวยงามหรือว่าจะไม่พ้น ถ้าพ้นไปก็ยิ้มกริ่มกันไปว่าขึ้น ต่อถ้าวันไหนปิดต่ำกว่า 1596 ก็ต้องระมัดระวังให้มาก และให้ดูอีกว่าจะหล่นมาที่ 1588 จุด หรือไม่ เพราะนี่คือ แก๊ปที่เพิ่งเปิดเมื่อวันศุกร์ ดูแค่นี้ นี่คือจุดระวังตัว อย่าลืมจะลงทุนให้หฤหรรษ ต้องวางเกมตั้งรับให้เป็น ถ้าหลุดแนวรับต้องขายทิ้งก่อนมาดูก่อนนะ
ไปดูนักวิเคราะห์รายอื่นกันว่า มองอย่างไร คุณวิวัฒน์ เตชะพูลพล จาก บล.ทิสโก้ มอง SET Index สัปดาห์หน้ามีแนวโน้มขยับขึ้นผ่าน ระดับ 1,600 จุด จากเงินไหลเข้าที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีจะเคลื่อนไหว sideways up มีแนวรับที่ 1,586 และแนวต้านที่ 1,620 จุด...ต่างชาติไม่มีที่ไปก็เข้ามาลงทุนในหุ้น ซึ่งจะเป็น แรงขับเคลื่อนตลาด เค้าว่าอย่างนี้ โดยเชียร์หลักๆ ไปที่ หุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่จะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด (outperform) จากแนวโน้ม ผลประกอบการในไตรมาส 1/56 มีแนวโน้มที่ดี ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะยัง ทรงตัว
ขณะที่ นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นไปทะลุระดับ 1,600 จุดได้ จาก เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง และปัจจัยหนุนจากภายในประเทศ จากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ของไทยในช่วงสัปดาห์สุดท่ายของเดือนมี.ค. และการที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวันอังคารที่ 19 มี.ค.นี้ รวมถึงยังเป็นช่วงใกล้สิ้นเดือนมี.ค.ซึ่งอาจจะมีการทำราคาปิดสิ้นงวด บัญชี(window dressing) ด้วย
ส่วนนางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)คาดว่า สัปดาห์หน้าดัชนีหุ้นไทยจะมีแนวต้านบริเวณ 1,620 และ แนวรับที่ 1,570 จุด โดยยังคงต้องติดตามการประชุมเฟด ที่อาจจะมีมุมมอง เกี่ยวกับมาตรการตัดงบรายจ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐ (sequestration) ที่มีผลบังคับใช้แล้วจะกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่
ถึงเวลาเม้าท์ บจ. แล้วจร้า...ช่วงนี้หุ้นเล็กๆ ทำตัวโดดเด่นซะ ทั้งหุ้น MLINK ของตระกูล ชินวัตร-วงษ์สวัสดิ์ ที่วิ่งกระจาย หลังจากมีข่าวคนฝากรัฐบาลมีการเก็บเพิ่ม หรือ หุ้น SLC ที่กลุ่มคุณวิชัย ทองแตง มีเอี่ยวถือหุ้น เล่นหุ้นพวกนี้บอกตามตรงต้องรู้ให้ทัน และอดทนให้เป็น เพราะบทจะลากก็วิ่งแรง บทจะตบก็เล่นซะอ๊วก พวกนี้กำไรในอดีตไม่ต้องมอง ไปคิดกันในอนาคต พร้อมกันข่าวที่ต้องเดาว่าจริงหรือหลอก ...อย่าง SLC ก็มีข่าวหนาหูตั้งแต่ในอดีตแล้วว่า จะเอา CTH เคเบิ้ลไทย โฮลดิ้ง ที่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีค เข้า BACKDOOR ผ่าน SLC และตอนนี้ก็กลับมาหนาหูอีกครั้งดูกันเองละกัน
อีกข่าวที่ต้องจับตา ก็คือ SUPER ก็เป็นอีกตัวที่แว่วว่าจะเพิ่มทุน แต่ก็ก่อนจะเพิ่มทุนก็ต้องลากตามธรรมเนียมหรือเป่า ... แหม...ช่วงนี้เข้าใจขาใหญ่ตังค์เขาเยอะจะทำอะไร ก็ง่าย อุ๊บบบบบบบบบบบบบบบ !!!
แถมสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีเรื่องราวการแต่งตั้งบุคคลสำคัญๆ ไม่ว่าสภาญี่ปุ่นที่เห็นชอบตั้ง "คุโรดะ" เป็นผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น ขณะที่ฝั่งจีนก้ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว โดย สี จิ้น ผิง คือผู้สูงสุดของแดนมังกร ขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติของจีนได้ลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ที่เสนอโดยนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติครั้งที่ 12 แล้ว ซึ่งประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง มนตรีแห่งรัฐ 5 ตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับตำแหน่งสำคัญๆ นายลู่ จีเหว่ย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และนายโจว เสี่ยวฉวน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนต่ออีกสมัย แสดงให้เห็นว่า แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะต้องใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มาตรการการเงินยังคงจะเข้มต่อไป เพราะ นายโจว เสี่ยวฉวน ก็ประกาศชัดแล้วว่า จะเข้มงวดไม่ให้เกิดฟองสบู่ต่อไป นับเป็นงานที่รัฐบาลชุดใหม่จีนต้องรักษาสเถียรภาพเศรษฐกิจ หลังจากที่กลุ่มของประธานาธิบดีคนเก่าเดินเกมกระตุ้นเศรษฐกิจจนผงาดขึ้นมาแล้ว
อยากให้จับตาดูด้านต่างประเทศนิดนึง เพราะ นายหยาง เจียฉี อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้รับแต่งตั้งให้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐ ด้านกิจการต่างประเทศ แทนนาย ไต้ ปิงกั๋ว โดยตำแหน่งดังกล่าวมีตำแหน่งเทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรีและอาวุโสกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ และให้ นายหวัง ยี่ อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแทน ซึ่งก็ต้องบอกว่า นายหวัง ยี่ นับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการญี่ปุ่นและมีความสัมพันธ์กับแวดวงการเมืองญี่ปุ่น งานนี้ต้องจับตาว่า จะช่วยให้จีนปรับปรุงความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ที่กำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับหมู่เกาะเตียวหยู หรือหมู่เกาะเซนกากุ ในทะเลจีนตะวันออก ได้แค่ไหน
กลับเข้าสู่เรื่องราวทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นกันดีกว่า ไปที่ "ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก" ที่โชว์เจ๋งในสัปดาห์ผ่านมา ทั้งทุบสถิติสูงสูดตลอดกาล และสามารถทุบสถิติการบวกติดต่อกันได้ถึง 10 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติที่ปิดบวกต่อเนื่องาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2539 แต่น่าเสียดายที่วันศุกร์ที่ผ่านมา กลายเป็นวันแรกที่ตลดาหุ้นปิดลงซะอย่างนั้น โดยปิดที่ 14, 514.11 จุด ส่วนจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 14539.29 จุดที่ทำได้ในวันพฤหัสที่ 14 มีนาคม นั้น ให้จำได้ควรที่จะผ่านให้ได้ในอีก 1 สัปดาห์ถ้าคิดจะขึ้นต่อ ... ไม่เช่นนั้น...บรรดาคนที่กลัวความสูงเค้าจะไม่พอใจเทขายออกมาแรงๆ นะจ๊ะ
ตามหลักแล้วหุ้นที่ร้อนแรงยังสามารถร้อนแรงได้อีก แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะถ้าจับตาดูไปที่ ตลาดพันธบัตรของสหรัฐอเมริกา ที่อัตราผลตอบแทนเริ่มอ่อนแรงลงมาต่ำกว่า 2% แล้ว แสดงว่า นักลงทุนเริ่มที่จะไม่คิดละโมภ ทิ้งพันธบัตรไปเข้าหุ้น แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 2% ได้อีกหรือไม่ ให้จับตาดูไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 มี.ค. โดยเฟดมีแนวโน้ม ที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ ออกมาหรือไม่
ส่วนการประชุมอียู ซัมมิท ก็ต้องถกเครียดกว่า 10 ชั่วโมง ก่อนที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซน พร้อมไอเอ็มเอฟลงมติอนุมัติเงินช่วยเหลือไซปรัส มูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญยูโร (ราว 3.86 แสนล้านบาท) เพื่อให้รัฐบาลไซปรัสนำไปปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ภาคธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากการฟื้นฟูโครงสร้างหนี้ในกรีซเมื่อปีที่แล้ว นั้นทำให้ ไซปรัส กลายเป็นชาติที่ 5 ต่อจากกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน ที่ขอความช่วยเหลือจากยูโรโซน โดยขณะนี้รัฐบาลไซปรัสกำลังเร่งดำเนินการตามเงื่อนไขแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีในภาคธนาคาร
การให้เงินกู้ครั้งนี้ทำให้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ออก เตือนภาคการเงินการธนาคารของสหภาพยุโรป ยังเปราะบางและอันตราย หลังผลการประเมินเสถียรภาพของระบบการเงินรอบแรกแสดงให้เห็นว่าอียูยังคงมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ทั้งราคาทรัพย์สินที่ปรับลดอย่างต่อเนื่อง ความไม่เชื่อมั่นในตราสารหนี้และภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโดยรวม
แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซนยังมีมติขยายกำหนดระยะเวลาใช้หนี้ให้กับไอร์แลนด์และโปรตุเกส หลังสองประเทศสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขเงินช่วยเหลือของกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) ได้
ส่วนตลาดหุ้นไทยเองสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ให้ดูว่า 1596 จุดจะผ่านพ้นไปได้สวยงามหรือว่าจะไม่พ้น ถ้าพ้นไปก็ยิ้มกริ่มกันไปว่าขึ้น ต่อถ้าวันไหนปิดต่ำกว่า 1596 ก็ต้องระมัดระวังให้มาก และให้ดูอีกว่าจะหล่นมาที่ 1588 จุด หรือไม่ เพราะนี่คือ แก๊ปที่เพิ่งเปิดเมื่อวันศุกร์ ดูแค่นี้ นี่คือจุดระวังตัว อย่าลืมจะลงทุนให้หฤหรรษ ต้องวางเกมตั้งรับให้เป็น ถ้าหลุดแนวรับต้องขายทิ้งก่อนมาดูก่อนนะ
ไปดูนักวิเคราะห์รายอื่นกันว่า มองอย่างไร คุณวิวัฒน์ เตชะพูลพล จาก บล.ทิสโก้ มอง SET Index สัปดาห์หน้ามีแนวโน้มขยับขึ้นผ่าน ระดับ 1,600 จุด จากเงินไหลเข้าที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีจะเคลื่อนไหว sideways up มีแนวรับที่ 1,586 และแนวต้านที่ 1,620 จุด...ต่างชาติไม่มีที่ไปก็เข้ามาลงทุนในหุ้น ซึ่งจะเป็น แรงขับเคลื่อนตลาด เค้าว่าอย่างนี้ โดยเชียร์หลักๆ ไปที่ หุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่จะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด (outperform) จากแนวโน้ม ผลประกอบการในไตรมาส 1/56 มีแนวโน้มที่ดี ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะยัง ทรงตัว
ขณะที่ นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นไปทะลุระดับ 1,600 จุดได้ จาก เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง และปัจจัยหนุนจากภายในประเทศ จากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ของไทยในช่วงสัปดาห์สุดท่ายของเดือนมี.ค. และการที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวันอังคารที่ 19 มี.ค.นี้ รวมถึงยังเป็นช่วงใกล้สิ้นเดือนมี.ค.ซึ่งอาจจะมีการทำราคาปิดสิ้นงวด บัญชี(window dressing) ด้วย
ส่วนนางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)คาดว่า สัปดาห์หน้าดัชนีหุ้นไทยจะมีแนวต้านบริเวณ 1,620 และ แนวรับที่ 1,570 จุด โดยยังคงต้องติดตามการประชุมเฟด ที่อาจจะมีมุมมอง เกี่ยวกับมาตรการตัดงบรายจ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐ (sequestration) ที่มีผลบังคับใช้แล้วจะกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่
ถึงเวลาเม้าท์ บจ. แล้วจร้า...ช่วงนี้หุ้นเล็กๆ ทำตัวโดดเด่นซะ ทั้งหุ้น MLINK ของตระกูล ชินวัตร-วงษ์สวัสดิ์ ที่วิ่งกระจาย หลังจากมีข่าวคนฝากรัฐบาลมีการเก็บเพิ่ม หรือ หุ้น SLC ที่กลุ่มคุณวิชัย ทองแตง มีเอี่ยวถือหุ้น เล่นหุ้นพวกนี้บอกตามตรงต้องรู้ให้ทัน และอดทนให้เป็น เพราะบทจะลากก็วิ่งแรง บทจะตบก็เล่นซะอ๊วก พวกนี้กำไรในอดีตไม่ต้องมอง ไปคิดกันในอนาคต พร้อมกันข่าวที่ต้องเดาว่าจริงหรือหลอก ...อย่าง SLC ก็มีข่าวหนาหูตั้งแต่ในอดีตแล้วว่า จะเอา CTH เคเบิ้ลไทย โฮลดิ้ง ที่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีค เข้า BACKDOOR ผ่าน SLC และตอนนี้ก็กลับมาหนาหูอีกครั้งดูกันเองละกัน
อีกข่าวที่ต้องจับตา ก็คือ SUPER ก็เป็นอีกตัวที่แว่วว่าจะเพิ่มทุน แต่ก็ก่อนจะเพิ่มทุนก็ต้องลากตามธรรมเนียมหรือเป่า ... แหม...ช่วงนี้เข้าใจขาใหญ่ตังค์เขาเยอะจะทำอะไร ก็ง่าย อุ๊บบบบบบบบบบบบบบบ !!!