xs
xsm
sm
md
lg

“สิงห์” ทุ่ม 300 ล้าน เพิ่มผลิตมาชิตะ เทคฯ โรงงาน HESCO ลุยขนมขึ้นรูป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภูริต  ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ นอน-แอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
“สิงห์” ซึมลึก ตลาดสแน็กสาหร่าย ทุ่ม 300 ล้านบาทผุดโรงงานใหม่เพิ่มกำลังผลิตอีกเท่าตัว หลังสูญเสียโอกาสการขายปีที่แล้ว พร้อมรุกกลุ่มย่าง มั่นใจปีนี้ดันกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์เติบโตพร้อมสัดส่วนรายได้ 15% จากทั้งกลุ่ม

นายภูริต ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ นอน-แอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้กลุ่มนอน-แอลกอฮอล์ไว้ที่ 15% จากรายได้รวมของบริษัท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีสัดส่วน 12% และคาดว่าจะเป็น 30% ตามเป้าหมายภายในแผน 5 ปี ที่เริ่มจากปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ในกลุ่มนอน-แอล มีธุรกิจและสินค้าหลายตัวล้วนแต่มีการเติบโตที่ดี ทั้งเครื่องดื่มบีอิ้ง โซดา น้ำดื่ม ข้าวพันธุ์ดี ธุรกิจฟาร์ม หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งกลุ่มสแน็กด้วย เป็นต้น ซึ่งนโยบายของบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับทุกกลุ่ม

สำหรับกลุ่มสแน็กนั้นซึ่งมีสาหร่ายมาชิตะเป็นหัวหอกหลัก ล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วได้บริษัทได้เข้าซื้อโรงงานผลิตขนมขึ้นรูปชื่อ HESCO ที่เป็นผู้ผลิตโออีเอ็มเป็นหลัก มูลค่า 250 ล้านบาท เพื่อบริษัทฯจะนำมาใช้ในการขยายกิจการ นอกจากนั้นปีนี้ยังได้ทุ่มงบประมาณอีก 300 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานใหม่ที่นวนคร ผลิตสาหร่ายมาชิตะทั้งแบบทอดและแบบย่าง คาดเสร็จปลายปีนี้ เพิ่มกำลังผลิตอีก 100,000 กล่องต่อเดือน จากเดิมโรงงานเดิมผลิตได้ 100,000 กล่องต่อเดือน เพิ่มมาเท่าตัว เนื่องจากสาหร่ายมาชิตะได้รับการตอบรับดีและเตรียมพร้อมทำตลาดต่างประเทศรองรับการเปิดเออีซีด้วยโดยจะเริ่มที่ประเทศกลุ่มอินโดจีนก่อน

ปัจจุบันมาชิตะมีแชร์ 15% ในตลาดรวมสาหร่าย แต่มีแชร์ 22% เฉพาะในเซกเมนต์สาหร่ายทอด รวมแล้วเป็นอันดับ 2 ในตลาดรวมสาหร่าย ที่มีมากกว่า 2,832 ล้านบาท โดยมีแบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็นผู้นำตลาดด้วยแชร์ 60% อันดับ 2 คือ มาชิตะ แชร์ 15% อันดับ 3 คือซิลิโกะแชร์ 9% และอันดับ 4 คือ โอโนริ แชร์ 8%

“ปีที่แล้วเราสูญเสียโอกาสทางการขายไปมาก เพราะสินค้ามีไม่เพียงพอกับความต้องการตลาด แม้ว่าจะผลิตเพิ่มเป็น 3 กะแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้เราพร้อมแล้วจึงตั้งเป้าหมายว่าปีนี้มาชิตะจะเติบโต 30% และมีแชร์เพิ่มเป็น 30% ขณะที่สินค้ารนั้นได้กระจายเข้าตลาดครอบคลุม 90% ของพื้นที่แล้ว และตั้งงบตลาดปีนี้ไว้ 100 กว่าล้านบาท และสร้างภาพลักษณ์เป็นเกาหลี ทำตลาดทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอะโบฟเดอะไลน์” นายภูริตกล่าว

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะจ้างโรงงานอื่นให้ผลิตแบบโออีเอ็มสาหร่ายมิชิตะหรือไม่ แต่อาจจะไม่เนื่องจากว่าบริษัทกลัวความลับเกี่ยวกับสูตรการผลิตรั่วไหลออกไป

ทั้งนี้บริษัทฯ จะหันมารุกตลาดประเภทสาหร่ายย่างด้วย เพราะปีที่แล้วเซกเมนต์นี้เติบโตอย่างมากถึง 36% แม้จะยังมีมูลค่าตลาดน้อยอยู่ก็ตาม กล่าวคือ ตลาดรวมแบ่งเป็นประเภททอด สัดส่วน 7% หรือประมาณ 1,980 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม แบบอบสัดส่วน 20% มูลค่า 558 ล้านบาท แบบย่างสัดส่วน 8% มูลค่า 232 ล้านบาท และแบบเทมปุระสัดส่วน 1% มูลค่า 4 2 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้ออก 2 รสชาติใหม่เป็นแบบย่าง คือ รสซอสเกาหลีกับรสหมึกย่างเกาหลีสามรส รวมกับของเดิม 3 รสชาติที่เป็นแบบทอด คือ รสธรรมดา รสสไปซี่ รสสไปซี่บาร์บีคิว
กำลังโหลดความคิดเห็น