- ป.ธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า ECB จะยังไม่เรียกคืนมาตรการแก้ไขวิกฤติที่เคยใช้ช่วยเหลือเศรษฐกิจยูโรโซนในช่วงที่ผ่านมา โดยเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่าง "เชื่องช้ามากๆ" และการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะเริ่มต้นในช่วงครึ่งปีหลัง
- หน่วยงานที่กำกับดูแลยาของกรีซ เปิดเผยว่า ยาหลายร้อยชนิดกำลังขาดแคลนและสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ หลังบริษัทยาข้ามชาติยักษ์ระงับส่งยาให้ เพราะติดหนี้มหาศาล และเกรงว่าอาจถูกพ่อค้าคนกลาง จัดส่งไปจำหน่ายในประเทศอื่นในยุโรป ที่ได้ราคาสูงกว่า
- ส.แรงงานเยอรมนี รายงานว่า จำนวนคนว่างงานในเดือน ก.พ. ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลง 3,000 คน สู่ 2.917 ล้านคน โดยมีอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 6.9 % ซึ่งใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการรวมประเทศเยอรมนีเป็นต้นมา ทำให้คาดหวังได้มากขึ้นว่าความต้องการบรโภคภายในประเทศจะช่วยหนุนเศรษฐกิจเยอรมนี
- ส.สถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ร่วงลง 11.7% ในเดือน ม.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 5.6% ในเดือน ธ.ค. ซึ่งมีส่วนทำให้การใช้จ่ายโดยรวมในเดือน ม.ค ลดลง 1.1% เมื่อเทียบรายปีขณะที่การใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งตอกย้ำว่าฝรั่งเศสใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย
- สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติให้ แจ็ค ลิว เป็น รมว.คลังคนใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 71 ต่อ 26 เพื่อหาจุดยืนร่วมกันในการบรรเทาผลกระทบจากการตัดงบประมาณภาครัฐอัตโนมัติ (Sequestration) 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (1 มี.ค. 2556)
- ก.แรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์สิ้นสุด 23 ก.พ. ลดลง 22,000 ราย ไปอยู่ที่ 344,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 360,000 ราย สะท้อนว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นบ้าง
- ก.พาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของ GDP ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4 ปีก่อนขยายตัว 0.1% ต่อปี ซึ่งดีกว่าที่เคยประมาณการว่าหดตัวลง 0.1% อย่างไรก็ตาม ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 0.5% และขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554
- ธ.เพื่อพัฒนาเอเชีย (ADB) ออกแถลงการณ์ว่า ฮารุฮิโกะ คูโรดะ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธาน ADBตั้งแต่ปี 2548 ได้ยื่นลาออก เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นเสนอชื่อให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งจะมีผลในวันที่ 18 มี.ค.นี้
- คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ระบุว่า บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ของจีนผลิตยางรถยนต์ 892 ล้านเส้นในปีก่อน โดยเติบโตในระดับปานกลางที่ 4.2% เมื่อเทียบกับปี 2554 ทั้งนี้ 66% ของผลผลิตยางรถยนต์ทั้งหมดในประเทศมีฐานผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ชายฝั่งภาคตะวันออกของจีน
- ธปท. รายงานว่า ภาพรวมเศรษฐกิจเดือน ม.ค. เติบโตขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุน ขณะที่การส่งออกฟื้นตัวขึ้นชัดเจน และการท่องเที่ยวยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในเดือน ม.ค. มีดังนี้
- ดุลการค้า ขาดดุล 2.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เทียบกับที่เกินดุล 0.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ธ.ค.
- ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 2.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เทียบกับที่เกินดุล 0.73 พันล้านดอลลาร์ ในเดือน ธ.ค.
- ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (PCI) เพิ่มขึ้น 2.0%
เมื่อเทียบรายเดือน จากที่ลดลง 1.7% ในเดือน ธ.ค.
- ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (PII) เพิ่มขึ้น 0.6%
เมื่อเทียบรายเดือน จากที่ลดลง 0.5% ในเดือนธ.ค.
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เพิ่มขึ้น 10.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 23.0% ใน ธ.ค.
- ธปท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.-14 ก.พ. 2556 มียอดเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศไทยรวม 27,000 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรกของปีก่อนที่มียอดไหลเข้ารวมกันกว่า 39,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนสาเหตุที่เงินบาทในปีนี้มีทิศทางแข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากแม้ว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้าจะน้อยกว่านั้น อาจเป็นเพราะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย
- SET Index ปิดที่ 1,541.58 จุด เพิ่มขึ้น 23.53 จุด หรือ +1.55% มูลค่าซื้อขาย 69,086.09 ล้านบาทและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,818.62 ล้านบาท เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยมีปัจจัยบวกมาจากการเดินหน้ามาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐฯ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.02%
- รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจว่า นักลงทุนปรับเพิ่มสถานะซื้อเงินบาทของไทย หยวนของจีน และวอนของเกาหลีใต้ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปรับลดสถานะซื้อในสกุลเงินเปโซของฟิลิปปินส์