- ฝรั่งเศสขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นแตะ 5.3 พันล้านยูโรในเดือน ธ.ค. จากที่ขาดดุลไป 4.3 พันล้านยูโรในเดือน พ.ย. เนื่องจากการนำเข้าปรับตัวขึ้นแซงหน้าการส่งออก โดยยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นแตะ 4.31 หมื่นล้านยูโร แต่การส่งออกปรับขึ้นเป็น 3.77 หมื่นล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ยอดขาดดุลการค้าทั้งปี 2555 ลดลงเหลือ 6.7 หมื่นล้านยูโรใน จาก 7.4 หมื่นล้านยูโรในปี 2554 เป็นผลมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 3.2% ขณะที่การนำเข้าขยับขึ้นเพียง 1.3%
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสเปนร่วงลงเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกันในเดือน ธ.ค. โดยลดลง 6.9% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ผลสำรวจคาดว่าจะลดลง 6.6%
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ.ลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ 366,000 ราย ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 2,250 ราย ไปอยู่ที่ 350,500 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 51 สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัว
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการใช้จ่ายทุนในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้า พุ่งขึ้น 2.8% ในเดือน ธ.ค. สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.7% โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยน อันเนื่องมาจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเชิงรุกของญี่ปุ่น
- นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อจาก มาซาอากิ ชิราคาวะ จะต้องสื่อสารท่าทีนโยบายของญี่ปุ่นต่อประชาคมโลกได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจคัดเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการอีก 2 คน แต่การเสนอชื่อบุคคลทั้ง 3 ต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาสูงและสภาล่าง
- ธนาคารกลางจีนเตือนเรื่องแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ว่าต้องดูแลผลกระทบด้านราคาจากอิทธิพลของอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงด้านอุปทานแรงงาน และการผ่อนคลายทางการเงินทั่วโลก
- จีนผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับบริษัทที่ต้องการนำหุ้นไปจดทะเบียนในต่างประเทศ โดยจะได้รับอนุญาตให้เปิดบัญชีธนาคาร แลกเปลี่ยนเงินตรา และโอนเงินได้ทันที ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทต่างๆ ต้องได้รับอนุมัติจากสำนักปริวรรตเงินตรา (SAFE) เป็นครั้งคราว ก่อนที่จะทำธุรกรรมต่างๆ ได้
- รัฐบาลอินเดีย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอินเดียในปีงบประมาณ 2555-2556 จะขยายตัว 5% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ เนื่องมาจากกิจกรรมที่ซบเซาของภาคเกษตรกรรม ภาคผลิต และภาคบริการ
- การส่งออกสินค้าด้านไอทีของเกาหลีใต้เพิ่มสูงสุดในรอบ 27 เดือน ไปอยู่ที่ 1.311 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ม.ค. เทียบจากปีก่อนหน้า โดยเป็นการขยายตัวตามแนวโน้มขาขึ้น 5 เดือนติดต่อกันแล้ว เนื่องจากตลาดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีทั่วโลกส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทวิจัย Gartner คาดการณ์ว่า ตลาดไอทีของโลกจะขยายตัว 4.2% ในปี 2556 หลังจากที่ขยายตัว 1.2% ในปีก่อนหน้า
- รัฐบาลอินโดนีเซียมีมุมมองในเชิงบวกว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตรวดเร็วขึ้นที่ 7% ในปี 2557 หากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ปีนี้คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 6.8%
- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทยเดือน ม.ค.ปรับตัวดีขึ้น 3 เดือนต่อเนื่อง และสูงสุดในรอบ16 เดือน โดยอยู่ที่ 81.7 จากเดิม 80.2 ในเดือน ธ.ค. เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น จนส่งผลให้การบริโภค การลงทุน การส่งออก และการท่องเที่ยวอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมเพิ่มขึ้น
- นายกรัฐมนตรี ระบุว่า งบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อยู่ในขั้นตอนทำแผนสำหรับยุทธศาสตร์ประเทศเรื่องหลักการในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะเน้นการกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัดในภูมิภาค โดยจะใช้งบดังกล่าวไปในส่วนของการวางโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูงตามจุดต่างๆ มากกว่าจะไปใช้สร้างถนนสายหลัก
- ธปท. ประเมินว่าสินเชื่ออุปโภคบริโภคในปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงตามการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากแรงผลักดันของมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ขณะที่ยังไม่เห็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงในสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขยายตัว 11.7% ในปี2555 และเพิ่มขึ้น 10.1%ในปี 2554 แต่สินเชื่อโครงการคอนโดมิเนียมขยายตัวมากขึ้นเล็กน้อยเป็น 24.4% ในปี 2555 สูงกว่าปี 2554 ที่โต 20% อันเป็นไปตามพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
- SET Index ปิดตลาดที่ 1,499.81 จุด ลดลง 0.54 จุด หรือ -0.04% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58,318.43 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,043 ล้านบาท นับเป็นการขาย 3 วัน ต่อเนื่องรวม 8,391 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ โดยแตะจุดต่ำสุดที่ 1,482.64 จุด ท่ามกลางความกังวลในแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ดัชนีฟื้นตัวได้ในช่วงภาคบ่ายจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้น ADVANC หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการปี 55 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น และจะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 55 ในอัตราสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุระหว่าง -0.04% ถึง -0.02% จากแรงซื้อของนักลงทุนบางส่วนภายในประเทศที่คาดว่า กนง. อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายในตราสารระยะสั้นโดยขายสุทธิ 3,320 ล้านบาท สำหรับวันศุกร์นี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 14 วัน วงเงิน 30,000 ล้านบาท
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% ตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ทั้งนี้ ECB ไม่ได้ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม และเป้าหมายที่จะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจกับรอดูโอกาสที่เหมาะสมก่อนที่จะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจะไม่ขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 3.75 แสนล้านปอนด์ ให้เพิ่มมากไปกว่านี้
- การผลิตทองของจีนเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 403 ตันในปีที่แล้ว ทำให้จีนยังคงเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดของโลกแซงหน้าแอฟริกาใต้ตั้งแต่ปี 2550 ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าหมายที่จะผลิตทอง 420-450 ตันในปี 2558 ขณะที่การบริโภคทองอาจแตะระดับ 1,000 ตันภายในปีดังกล่าว