xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 30/01/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




  • บริษัทวิจัยเซ็นทิกซ์ ได้สำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนจำนวน 959 คนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะต้องถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ออกจากยูโรโซน พบว่า การล่มสลายของยูโรแทบจะไม่เป็นประเด็นอีกต่อไปแล้ว เพราะมีนักลงทุนเพียง 17.2% ที่คาดว่าจะมีหนึ่งหรือหลายประเทศที่จะออกจากยูโรโซนภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งลดลงจาก 25% ในเดือน ธ.ค. และระดับสูงถึง 73% ในเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่วงหน้าสำหรับเดือน ก.พ. ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สู่ 5.8 จาก 5.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งได้แรงหนุนจากการคาดการณ์รายได้ที่พุ่งขึ้น และความตั้งใจจะซื้อสินค้ามากขึ้นฃ

  • เดวิด ไมล์ส หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่าศักยภาพการผลิตของอังกฤษอาจลดลงตามอุปสงค์ที่ยังคงซบเซา แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ได้สนับสนุนการผ่อนคลายเชิงปริมาณมากขึ้น เพราะเชื่อว่ายังมีโอกาสที่เศรษฐกิจที่อ่อนแอจะขยายตัวโดยไม่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่ม และระบุว่า การพิมพ์ธนบัตรเป็นเครื่องมือที่ทรงอานุภาพมาก

  • Fitch Rating ยกเลิกคำเตือนที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจาก AAA ในไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากสหรัฐบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ชั่วคราว แสดงว่าความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านงบประมาณที่ยืดเยื้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้เตือนว่า สหรัฐยังคงเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับ ถ้าผู้กำหนดนโยบายไม่ร่วมกันวางแผนที่น่าเชื่อถือเพื่อลดยอดขาดดุลจำนวนมหาศาลของประเทศลงในระยะกลางคือช่วง 6-12 เดือน

  • สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) เปิดเผยผลสำรวจรายไตรมาสว่า นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันมีมุมมองบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในนี้ โดยมีจำนวนครึ่งหนึ่งที่คาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 2-4% ในขณะที่มีนักเศรษฐศาสตร์ 36% ที่ระบุเช่นนี้ในการสำรวจเมื่อ 3 เดือนก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่า 2%

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติของภาคธนาคารในวันที่ 7 มี.ค.นี้ เพื่อตัดสินว่าธนาคารขนาดใหญ่จะรับมือกับความตื่นตระหนกทางการเงินอย่างไรซึ่งธนาคารต่างๆ จะต้องผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติภายใต้สมมติฐานทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุด ได้แก่ อัตราว่างงานของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 12% ยุโรปและญี่ปุ่นจะเผชิญกับภาวะถดถอย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงอย่างมาก

  • ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ของสหรัฐในเดือน พ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือน ต.ค. และเมื่อเทียบรายปีพุ่งขึ้น 5.5% ซึ่ง เดวิด บลิทเซอร์ ประธานฝ่ายจัดทำดัชนีราคาบ้านของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยกำลังฟื้นตัวขึ้น โดยคาดกันว่าภาคธุรกิจนี้จะช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลราคาบ้านในครั้งนี้สวนทางกับการเปิดเผยของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเมื่อวานนี้ที่ระบุว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว แสดงว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่มีความต่อเนื่องมากนัก

  • จากการสำรวจโดย เนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเป็น +3 ในเดือน ธ.ค. จากเดิม -9 ในเดือน พ.ย.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี โดยระบุว่าภาวะทางธุรกิจของอุตสาหกรรมค้าส่ง การผลิต ค้าปลีก และการก่อสร้าง อยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุด แต่อุตสาหกรรมการขนส่ง สาธารณูปโภค และการบริการส่วนบุคคล อยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าพอใจ นอกจากนี้ ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัวในอัตรา 2% ในปี 2556 และ 3.3% ในปี 2557

  • ครม.ญี่ปุ่น อนุมัติงบประมาณเบื้องต้นสำหรับปีงบประมาณ 2556 (เริ่ม 1 เม.ย.) เป็นจำนวนเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 92.61 ล้านล้านเยน (1.02 ล้านล้านดอลลาร์) โดยมีเป้าหมายพยุงเศรษฐกิจผ่านโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าจะเก็บภาษีได้ 43.1 ล้านล้านเยน สูงกว่าการออกพันธบัตรใหม่ของรัฐบาลที่ 42.85 ล้านล้านเยน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีสูงกว่ามูลค่าการออกพันธบัตร ขณะที่รายได้ที่ไม่ได้มาจากภาษี คาดว่าจะอยู่ที่ 4.05 ล้านล้านเยน

  • รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนออกตราสารหนี้รวมถึงพันธบัตรใหม่และพันธบัตรเพื่อการรีไฟแนนซ์ภายใต้งบประมาณปี 2556 ในวงเงิน 170.5 ล้านล้านเยน (1.9 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลง 2.1% จากปีที่แล้ว (ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี) สะท้อนความพยายามที่จะปรับปรุงสถานะการคลังของประเทศที่ย่ำแย่ที่สุดประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศพัฒนาแล้วรายใหญ่

  • รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงกรณีที่ธุรกิจเช่าซื้อกังวลปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ จากโครงการรถคันแรกว่า ถ้าผู้เข้าโครงการคิดว่าผ่อนชำระไม่ไหวหรือยังไม่ได้รับเงิน ขอให้แจ้งยกเลิกการแจ้งสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ หรือถ้าได้รับเงินคืนไปแล้ว ก็สามารถนำเงินมาคืนทางรัฐบาลได้ เพื่อรถคันนั้นจะได้สามารถโอนได้ภายในระยะเวลาที่ไม่เกิน 5 ปี นอกจากนี้ ได้ระบุเพิ่มเติมว่าผู้เข้าร่วมโครงการรถคันแรกที่จะเป็นลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้ตจะมีอยู่เพียง 4%




  • SET Index ปิดตลาดที่ 1,478.77 จุด เพิ่มขึ้น 6.72 จุด หรือ +0.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,146 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 37 ล้านบาท ทั้งนี้ มีแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี และพลังงานหนุนตลาด ขณะที่มีแรงขายหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และแบงก์ โดยตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบจากการที่นักลงทุนรอดูปัจจัยเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 4/55 และงวด 1 ปีของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)




  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างทรงตัว มีเพียงช่วงอายุ 5-12 ปีที่ปรับลดลงเพียง -0.01%โดยนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 29 - 30 มกราคม ว่าจะมีการส่งสัญญาณใดๆ ที่อาจกระทบต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าหรือไม่สำหรับวันพุธนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 10 ปี วงเงิน 14,000 ล้านบาท

  • ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ 7.75% ตามคาด โดยได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวในอัตราช้าที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้ RBI ได้ลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2555-2556 ลงมาอยู่ที่ 5.5% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 6.5% นอกจากนี้ ยังได้ลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์อย่างไม่คาดหมายลง 0.25% สู่ 4.00% ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินอีก 1.80 แสนล้านรูปีไหลเข้าสู่ระบบธนาคาร


กำลังโหลดความคิดเห็น