xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 14/01/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

General News


  • บารัค โอบามา เสนอชื่อ เจคอบ ลิว หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวให้ดำรงตำแหน่ง รมต.คลัง คนต่อไป แทน ทิม ไกธ์เนอร์ ทั้งนี้ หากวุฒิสภาลงมติเห็นชอบ ลิวจะเป็นรมต.คลัง คนที่ 2 ในคณะทำงานของโอบามา แทนไกธ์เนอร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญด้านเศรษฐกิจคนเดียวที่เหลืออยู่ในทีมตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว


  • ก.คลังสหรัฐ เปิดเผยว่า รัฐบาลกลางสหรัฐขาดดุลงบประมาณ 260 ล้านดอลลาร์ในเดือน ธ.ค.โดยยอดขาดดุลใน 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 2.92 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า


  • ธ.กลางฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือน พ.ย.ลดลงมาอยู่ที่ 5 พันล้านยูโร จาก 5.1 พันล้านยูโรในเดือน ต.ค. ในขณะที่การลงทุนโดยตรงของฝรั่งเศสในต่างประเทศลดลงแตะ 2.9 พันล้านยูโรในเดือน พ.ย. สวนทางกับการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในฝรั่งเศสที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 พันล้านยูโร


  • ญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 10.3 ล้านล้านเยน โดยจะใช้งบประมาณ 3.8 ล้านล้านเยนในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติซึ่งรมถึงพัฒนาระบบป้องกัน  และจะใช้งบประมาณ 3.1 ล้านล้านเยนกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งคาดว่า จะกระตุ้นให้ GDP ขยายตัวในอัตรา 2% และจะสร้างงานได้ 600,000 ตำแหน่ง


  • ส.สถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค.เป็น 2.5% อันเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 28 ปีส่งผลให้ปริมาณพืชผลทางการเกษตรลดลง 2.3% ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลใหม่ของจีนในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม


  • ธ.กลางเกาหลีใต้ลดประมาณการ GDP ปีนี้จาก 3.2% เป็น 2.8% หลังเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง และการลงทุนภาคเอกชนชะลอลง โดย ธ.กลางคาดว่าการลงทุนโดยบริษัทเอกชนปีนี้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากความต้องการจากยุโรป และสหรัฐชะลอลง


  • ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย 3 เดือนติดต่อกัน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ประกาศว่าจะใช้จ่ายเงินงบประมาณ 201 พันล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (72% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งหมด)


  • ก.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ย. โดยอยู่ที่ 222.4 พันล้านเยน หลังยอดส่งออกลดลงจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ค่าเงินเยนได้อ่อนลงมาสู่ระดับ 89 เยน/ดอลลาร์ แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง


  • ส.สถิติแห่งชาติอินเดีย เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน หลังเพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือนก่อนหน้า ทำให้คาดกันว่าธนาคารกลางอินเดียจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 29 ม.ค.นี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค ขณะที่นายกรัฐมนตรี มาน โมฮาน ซิงห์ มีแผนจะใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการลงทุน


  • ธ.กลางฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 32.6%เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีปริมาณทุนไหลเข้าสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าไปอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ จาก 170 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ เม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากสหรัฐ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และ หมู่เกาะเวอร์จิ้น โดยนำมาลงทุนในภาคการผลิต อสังหาริมทรัพย์ ค้าส่งและค้าปลีก การเงินและประกันภัย เหมืองแร่ กับ การขนส่งและคลังสินค้า


  • ส.อุตสาหกรรมยานยนต์ของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ยอดขายส่งรถยนต์แก่ผู้แทนจำหน่ายในปี 2555 พุ่งขึ้นสู่ 1.161 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 24.8% จากปีก่อนหน้า โดยยอดขายของฮอนด้าขยายตัวมากที่สุดถึง 50% เมื่อเทียบกับปี 2554 ส่วนยอดขายปลีกรถยนต์ก็เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. ปีที่แล้วราวๆ 4.4% หรือ 101,866 คัน เมื่อเทียบกับในเดือน พ.ย. ที่เป็น 97,570 คัน


  • สภาแห่งชาติของเวียดนาม อนุมัติแผนการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจปี 2556 โดยเน้น การขยายตัวของ GDP ที่ 5.5% ภายใต้สมมติฐานที่ดัชนีราคาผู้บริโภคจะขยายตัว 6.0%-6.5% มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 10% และตั้งเป้าให้อัตราครัวเรือนที่ยากจนลดลง 2% นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 4.8% ของ GDP ในปีนี้


  • กรมสรรพสามิต เตรียมเสนอของบกลางประจำปี 2556 แก่ ก.คลัง ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อคืนเงินโครงการรถยนต์คันแรกในปี 2556 นี้ ซึ่ง ก.คลัง เคยตั้งงบประมาณในการคืนเงินในโครงการดังกล่าว 7 พันล้านบาท แต่ปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมโครงการมีจำนวนที่สูงมากโดยซื้อรภไป1.25 ล้านคัน และเป็นเงินคืนในโครงการรถยนต์คันแรก 9.1 หมื่นล้านบาท




Equity Market


  • SET Index ปิดตลาดที่ 1,412.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.07 จุด หรือ 0.43% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย54,895.01 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 60.21 ล้านบาท ทั้งนี้ SET Index ขยับขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากมีแรงเทขายจากในช่วงเช้าจากโบรกเกอร์ซึ่งเป็นผู้ขายสุทธิหลัก แต่ดัชนีกลับขึ้นมาได้จากการที่นังลงทุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์




Fix income market


  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง +0.05% สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูล




Oil Corner


  • สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เท็กซัส เดือน ก.พ.ปรับตัวขึ้น 6 เซนต์ไปแตะ 93.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่สุดของโลกได้ลดปริมาณการผลิตลง 4.9% หรือ 465,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ 9.025 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นการลดการผลิตรายเดือนลงมากที่สุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2551


Jim Rogers อเมริกาเคยมีปัญหาหนักทางเศรษฐกิจแบบนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ช่วงต้นยุค 1920s แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทางแก้ไขของคนในยุคก่อนคือ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นกับจัดทำงบประมาณสมดุลย์ไม่ก่อหนี้เพิ่ม และหลังจากนั้นเศรษฐกิจก็ฟื้นฟูจนรุ่งเรืองที่สุดไปอีกเป็นทศวรรษ หลังจากอดทนยอมลำบากไป 2-3 ปี
  ในช่วงต้นของยุค 1990s พวกสแกนดิเนเวียนก็มีปัญหาเหมือนๆ กัน เขายอมปล่อยให้ธุรกิจและผู้คนล้มละลาย ปล่อยให้ตลาดแก้ไขตนเองไปตามธรรมชาติโดยไม่เข้าไปแทรกแซง ซึ่งเป็นความเจ็บปวดที่สุดใน 2-3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจรุ่งเรืองที่สุดในระบบเศรษฐกิจโลกอีก 10-15 ปี
  นั่นละ การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง 
  ส่วนญี่ปุ่นในช่วงเดียวกันคือยุค 1990s ทำตรงกันข้าม ไม่ยอมปล่อยให้เกิดการล้มละลาย ใช้เงินจำนวนมากที่ไม่มีจริงเข้าไปโอบอุ้ม ทำให้ญี่ปุ่นเรียกว่ามันเป็น “ทศวรรษแห่งการสูญเปล่า” และเดี๋ยวนี้ชาวญี่ปุ่นต้องเรียกมันใหม่ว่า เป็น “2” ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า ซึ่งยังต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงวันนี้
  นั่นคือการแก้ปัญหาที่ผิดพลาด และวิธีนี้ไม่เคยแก้ปัญหาได้เลยสักครั้งในประวัติศาสตร์ 
  การยอมรับความเจ็บปวดในวันนี้แม้จะยากลำบาก แต่ในที่สุดมันจะช่วยจัดระบบทุกอย่างให้สะอาดขึ้น ไม่มีสิ่งตกค้างอีกต่อไป และนั่นคือสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์หลายคนเช่น Hayek, von Mises และ Schumpeter ได้กล่าวเอาไว้ว่า “หากไม่แก้ไขด้วยการทำระบบให้สะอาด กลับไปแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิดพลาด จะทำให้อะไรที่ดูคล้ายๆ ดีขึ้นหลังจากนั้นเป็นของปลอม ซึ่งการฟื้นตัวจะเป็นของปลอมที่จะไม่ยาวนาน”  
  และอดีตได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเขากล่าวไว้ถูกต้อง ในขณะที่แนวทางของ Keynes ไม่เคยมีข้อพิสูจน์ว่าทำได้สำเร็จเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น