xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 18/01/56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

General News

  • รัฐบาลเยอรมนีลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลงสู่ 0.4% จากเดิม 1% หลังจากที่การส่งออกยังคงชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าในยูโรโซนและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้ที่ 1.6% ในปีหน้า โดยจะมีความต้องการภายในประเทศเป็นแรงผลักดันสำคัญ

  • สเปน ขายพันธบัตรได้ตามเป้าหมาย 4.5 พันล้านยูโร ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงในทุกช่วงอายุ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอยู่ที่ 2.713%, 5 ปีอยู่ที่ 3.77% และ 28 ปีอยู่ที่ 5.696% ซึ่งเป็นผลมาจากความมั่นใจของนักลงทุนต่อคำมั่นสัญญาของ ECB ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหา ทั้งนี้ สเปนกำลังเร่งจัดตั้งกองทุนกันชนสำหรับปี 2556 เพื่อหลีกเลี่ยงการขอรับเงินกู้จากกองทุนช่วยเหลือของยูโรโซน

  • รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของ FED เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตรา “เล็กน้อยหรือปานกลาง" ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด ในขณะที่กิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นทั่วประเทศ แสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจ  แม้ว่าผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะยังคงกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของนโยบายการคลังและสภาวะเศรษฐกิจในยุโรปก็ตาม

  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ม.ค ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 335,000 ราย ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2551 สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น นอกจากนั้น ตลาดแรงงานยังได้แรงหนุนจากการใช้กฎหมายที่ขยายระยะเวลาการให้สวัสดิการแก่ผู้ว่างงานในระยะยาวด้วย

  • ริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธาน FED สาขาดัลลัส แสดงความเห็นว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของ FED ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ต้องการและจะส่งผลต่อเศรษฐกิจน้อยลงไปเรื่อยๆ โดยอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมไม่ได้ลดลงรวดเร็วอย่างที่ต้องการเพราะอยู่ที่ระดับต่ำสุดอยู่แล้ว

  • อัตราการว่างงานของออสเตรเลียเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.4% จาก 5.3%ในเดือน พ.ย. เพราะภาคธุรกิจลดการจ้างงานลง 5,500 ตำแหน่ง โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การจ้างงานจะชะลอตัวลงอีก หากไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะอันใกล้

  • การบริโภคภายในของญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้น จากการที่ยอดขายรถยนต์มือสองในปีก่อนขยายตัว 6.4% กับยอดขายของห้างสรรพสินค้าได้เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับปี 2554 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 16 ปี นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นแนวโน้มที่ห้างสรรพสินค้าหลักในเมืองใหญ่จะขยายสาขาหรือปรับปรุงพื้นที่ขายใหม่

  • ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเกาหลีใต้เดือน ธ.ค.ลดลง 0.3% จากเดือน พ.ย. เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง แม้ว่าราคาสินค้าเกษตรจะเพิ่มสูงขึ้น

  • ยอดส่งออกสินค้ายกเว้นน้ำมันของสิงคโปร์เดือน ธ.ค.ลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับ ธ.ค. 2554 เพราะยอดส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโครงสร้างเรือ และเภสัชภัณฑ์ ลดลง

  • OPEC ลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกลงเล็กน้อยสู่ 760,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปสงค์จากจีนจะเพิ่มขึ้นมากที่สุด


Equity Market

  • SET Index ปิดตลาดที่ 1,420.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด หรือ 0.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59,237.38 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 657.39 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนเช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเงินทุนจากต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องโดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบกับตลาด อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ควรติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ GDP ประจำไตรมาส 4/2555 ของจีน


Fix income market

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวค่อนข้างทรงตัว โดยปรับตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ -0.01% อนึ่ง กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าในตลาดตราสารนี้ไทยอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับตลาดหุ้น โดยนักลงทุนต่างซื้อสุทธิที่ 8,685 ล้านบาทโดยเฉพาะในตราสารระยะสั้น

  • ธปท. ยอมรับว่า เริ่มเห็นสัญญาณการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของไทย ทำให้ค่าเงินบาทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้แต่ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินภูมิภาค โดย ธปท. จะติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินและมีมาตรการเสริมพร้อมจะนำมาใช้ตามความเหมาะสม  รวมถึงพยายามออกมาตรการที่จะส่งเสริมการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นอีกด้วย

  • ธ.กสิกรไทย ประมาณการว่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวของภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 4.1 แสนล้านบาท จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2.75%

  • ธปท. ออกประกาศอนุญาตให้บุคคลรายย่อยลงทุนในตราสารในต่างประเทศและอนุพันธ์ได้ในวงเงินไม่เกินรายละ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถลงทุนผ่านตัวแทน ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หรือ กองทุนส่วนบุคคล เท่านั้น เพื่อให้มีความคล่องตัวในการลงทุนและบริหารความเสี่ยงได้มากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น