- คณะกรรมการ ธ.กลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนน่าจะส่งสัญญาณฟื้นตัวใน ไตรมาสแรกของปีนี้แต่เป็นการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า กลุ่มประเทศสมาชิกจึงควรมุ่งความสนใจไปยังมาตรการสำคัญ ได้แก่ การลดยอดขาดดุลงบประมาณ การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง และการปรับปรุงงบดุลของ ธ.พาณิชย์ในประเทศ อีกทั้งยังได้เน้นย้ำว่า นโยบายการเงินของ ECB จะเป็นไปเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่การกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนีในเดือน ม.ค.2556 เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับ ม.ค. 2555 จากราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น ในขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับขึ้น 0.8% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าไฟฟ้า ทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่า CPI ของเยอรมนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนข้างหน้า
- ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจภาคการผลิตของฝรั่งเศสในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 90 จาก 87 ในเดือน ม.ค. จากปัจจัยบวกคือคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของฝรั่งเศสในเดือน ม.ค.ลดลง 0.5% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.2% เมือเทียบกับ ม.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่ต้นทุนภาคการผลิตได้ลดลง 2.3% ในเดือนก่อนหน้ากับราคาอาหารลดลงเล็กน้อย
- สหภาพแรงงานหลายแห่งของกรีซนัดหยุดงานและชุมนุมใหญ่เป็นครั้งแรกของปีนี้ เพื่อต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ของรัฐบาล (ลดเงินบำนาญ ลดเงินเดือน และขึ้นภาษี) ถึงแม้รัฐบาลจะเริ่มอ่อนข้อโดยยกเลิกการปลดข้าราชการ 1,900 คนออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม
- สนง. สถิติแห่งชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2555 อยู่ที่ 7.8% โดยผู้ไม่มีงานทำลดลงมาอยู่ที่ 2.5 ล้านคน ขณะที่ผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 154,000 คนสู่ 29.73 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนมากสุดนับตั้งแต่เริ่มทำสถิติในปี พ.ศ.2514 ทำให้เกิดความหวังว่าตลาดแรงงานของอังกฤษจะปรับตัวดีขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ
- ยอดเริ่มสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือน ม.ค. ชะลอตัวลง 8.5% จากเดือนก่อน สู่ระดับ 890,000 ยูนิต เนื่องจากการสร้างบ้านของครอบครัวขยายตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดการอนุญาตก่อสร้างซึ่งบ่งชี้ถึงการก่อสร้างในอนาคตได้เพิ่มขึ้น 1.8% สู่ 925,000 ยูนิต ซึ่งสูงสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551 ทำให้เป็นที่เชื่อมั่นว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะช่วยตัวกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ในปีนี้
- ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี เพราะราคาอาหารโดยเฉพาะพืชผักเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในแคลิฟอร์เนีย แอริโซนา และ นอร์ทเทิร์นเม็กซิโก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเพาะปลูก
- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในเดือน ม.ค. ชะลอตัวลง 7.3% มาอยู่ที่ 9.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ ม.ค. 2555 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ลดลง ประกอบกับราคาที่ดินและต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น ทำให้มีการย้ายฐานผลิตไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย
- ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือน ม.ค.สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.6294 ล้านล้านเยน และเป็นการขาดดุล 7 เดือนติดต่อกัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของคู่ค้า ส่วนนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.3% จากการนำเข้าพลังงานและก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า
- ยอดหนี้สินต่างประเทศของเกาหลีใต้ ณ สิ้นปี 2555 เพิ่มขึ้น 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ในระดับสูงกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เนื่องจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในพันธบัตรระยะยาวรวมถึงภาคเอกชนได้ออกหุ้นกู้เป็นเงินสกุลต่างประเทศมากขึ้นด้วย
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% โดยระบุว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอน จากความยืดเยื้อในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยูโร และปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากการเร่งขึ้นของราคาสินทรัพย์ ทั้งนี้ จะติดตามสถานการณ์การเคลื่อนย้ายของเงินทุนอย่างใกล้ชิดและพร้อมดำเนินนโยบายที่เหมาะสมต่อไป
- SET Index ปิดตลาดที่ 1,546.64 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ 0.95% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 63,091.92 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 356.38 ล้านบาท โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะภายหลังการประกาศคงดอกเบี้ยของ กนง. ที่ 2.75% ซึ่งทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่ม ธ.พาณิชย์
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลง -0.01% ถึง +0.05% โดยในช่วงเช้าลดลงเล็ก น้อยจากการที่มีกลุ่มที่คาดว่า กนง. จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หลังจากมีมติในช่วงบ่าย ให้คงอัตราดอกเบี้ย จึงทำให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุ สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 3 ปี มูลค่า 10,000 ล้านบาท
- Jan Hatzius นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุว่า ถึงแม้เศรษฐกิจของสหรัฐดูเหมือนจะชะลอตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากความไม่แน่นอนด้านการคลัง แต่ความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญกับเศรษฐกิจขาลงกลับลดลง โดย ….
- Goldman Sachs ยังคงมุมมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะเติบโตได้เพียงเล็กน้อย เพราะแม้ว่าการลงทุนภาคเอกชนจะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็จะถูกหักล้างด้วยผลจากการเพิ่มภาษีและการใช้จ่ายที่ลดลงของภาครัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในปี 2557 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ภาวะการคลังมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ถึงแม้ตัวเลขศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในดือน ม.ค.ส่วนใหญ่จะมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะข้อมูลในฝั่งของผู้บริโภค แต่คาดว่าเป็นเพราะชาวอเมริกันยังไม่ตระหนักว่ารายได้หลังหักภาษีของตนเองนั้นลดลง จนกว่าจะได้เห็นตัวเลขบนเช็คค่าจ้างจริงๆ (ดังเช่น กรณีของ Wall-Mart ที่ออกมายอมรับว่ายอดขายตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. ปีนี้ อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ทำให้เห็นว่าการบริโภคชะลอตัวลงจริง)
- อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่การบริโภคจะชะลอตัวตามที่กล่าวมาในข้างต้นนั้นได้ลดลงไปแล้ว ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีจำนวน 2 แสนล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่เหตุผลที่มีความสำคัญมากกว่าคือ การที่สมาชิกพรรครีพลับลิกัน (ผู้ครองเสียงข้างมากในสภาครองเกรส) มีแนวโน้มที่จะผ่อนปรนเรื่องการลดค่าใช้จ่ายเพื่อแลกกับการอนุมัติในการขยายเพดานหนี้ ส่งผลให้ความเสี่ยงที่ปัญหาทางการคลังจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐลดลง
