xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 19/02/13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



  • ราคาบ้านมือสองของอังกฤษเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สูงสุดในรอบ 5 ปี หลังจากความต้องการซื้อบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้น แต่ยอดขายยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เคยเป็นในช่วงก่อนวิกฤตการเงินโลก เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ยังซบเซา

  • รมว.คลังฝรั่งเศส จะลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังซบเซา และการขยายตัวมีแนวโน้มอ่อนแอลง โดยในปี 2555 เศรษฐกิจฝรั่งเศสไม่ขยายตัวเลย (0%) เพราะการบริโภคภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำ

  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือน ธ.ค.ลดลง 4.8มาอยู่ที่ 9.03 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และลดลงมากที่สุดในรอบ 19 เดือน เพราะความต้องการในประเทศลดลง เช่น ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้าลดลง 303,000 บาร์เรล/วัน และปริมาณการใช้น้ำมันดิบของโรงกลั่นน้ำมันลดลง 44,000 บาร์เรล/วัน

  • ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 55  เนื่องจากค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น

  • ธนาคารเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกาหลีใต้กำลังเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเงินวอนแข็งค่าและการผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชน โดยวอนแข็งค่าขึ้น 3.5% เทียบกับดอลลาร์ตั้งแต่เดือนก.ย. 55 ส่งผลให้ศักยภาพการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างอ่อนแอ และมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อมากขึ้น

  • S&P คงอันดับเครดิตระยะยาวญี่ปุ่นที่ AA- แต่เตือนว่าอาจมีการลดอันดับความน่าเชื่อถือหากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ไม่สามารถแก้ปัญหาเงินฝืดหรือคงระดับการขยายตัวของเศรษฐกิจได้

  • ยอดส่งออกสินค้ายกเว้นน้ำมันของสิงคโปร์ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 0.5เมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 3.8% (กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ส่งออกลดลง 5.6%)

  • รมว.พลังงาน เตรียมหามาตรการรับมือกรณีโรงไฟฟ้าแหล่งยาดานาในพม่าจะปิดซ่อมบำรุงช่วง 14-20 เม.ย. โดยได้สั่งการให้ กฟผ.เสนอแผนการใช้โรงไฟฟ้าเก่าผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงที่ขาดแคลน และหากโรงไฟฟ้าสามารถขยายกำลังการผลิตได้ก็ให้ขยายการผลิตเพิ่ม รวมถึงเร่งเจรจาซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว และจะขอความร่วมมือจากประชาชนลดการใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ปริมาณไฟฟ้าเพียงพอช่วงฉุกเฉินดังกล่าว

  • สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า GDP ในไตรมาส 4 ปีก่อนขยายตัว 18.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2554 ที่ขยายตัวในระดับต่ำเนื่องจากอุทกภัย ทำให้เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2536 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม โรงแรม/ภัตตาคาร การก่อสร้าง และการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะการใช้จ่ายในภาคครัวเรือน และการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งรายจ่ายภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้น

  • สภาพัฒน์ฯ แนะนำให้เฝ้าระวังเงินไหลเข้า โดยชี้ว่า ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าที่เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้มีสาเหตุมาจากอะไร  ซึ่งถ้ามาจากเงินร้อนไหลเข้า ก็จำเป็นต้องมีมาตรการเฉพาะเข้าไปดูแล เพราะในหลายประเทศใช้มาตรการหลายอย่างผสมผสานกันไปด้วย ไม่ได้ใช้มาตรการเรื่องดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่มาตรการที่พอทำได้ขณะนี้และได้ผลเร็วคือมาตรการดอกเบี้ย เนื่องจากต่างชาติมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยดี และไม่มีมาตรการใดๆ มาสกัดเงินไหลเข้า ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.10%-0.25% อาจจะน้อยเกินไป จึงต้องพิจารณาโดยอิงอัตราดอกเบี้ยของไทยกับสหรัฐ และเทียบกับประเทศในอาเซียนด้วย




  • SET Index ปิดตลาดที่ 1,523.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.77 จุด หรือ 0.12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 48,531.86 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 84.38 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ โดยนักลงทุนยังคงรอผลการประชุมดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 20 ก.พ 




  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง +0.0% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยอายุ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน วงเงินรวม 80,000 ล้านบาท

  • ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ 2.75% ถือเป็นระดับที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปัจจุบัน รวมถึงการขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังไม่ร้อนแรงมากนักและสัญญาณฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังน้อยมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น